自己的身心就是道场

2021年4月30日

หน้าตาคุ้นๆ นะ
看上去都是熟悉的面孔
ไม่ได้เจอกันเป็นปี
已经有一年没有和大家见面了
เมืองไทยเชื้อโรคเยอะ
目前,在泰国疫情还很严重
เมืองจีนยังเก่งเหลือระบาดอยู่ไม่กี่คน
中国控制得很好,只是偶尔有零星病例发生
คนไทยกำลังเยอะตอนนี้ วันหนึ่งร่วม 2,000 คน
泰国现在病例还很多,每天感染人数近2000例
ไม่เจอพวกเรานาน แต่ว่าดูแล้วใช้ได้ ดูผ่องใสดี 
很久没见到大家了,但看上去不错,非常亮堂
การปฏิบัติธรรมมันไม่ได้เรื่องยากอะไรหรอก เป็นเรื่องที่ตัวเราเอง
修行并不是什么难事,只是关于我们自己
คนส่วนใหญ่สนใจแต่ของข้างนอก
大部分人只关心外在的事物
สนใจคนอื่นสนใจสิ่งอื่น ไม่ค่อยสนใจตัวเอง
对其他人、其它事感兴趣,对自己没什么兴趣
ความทุกข์ก็เลยเกิดขึ้นในใจ
所以苦才在心中生起
ถ้าเราคอยสังเกตตัวเองเรื่อยๆ รู้สึกตัว
如果我们不断地去观察自己、觉知自己
จะทำอะไรก็คอยรู้สึกตัวไว้
无论做什么都不断地觉知自己
ให้จิตใจมันอยู่กับตัวเอง
让心和自己在一起
พอร่างกายเคลื่อนไหวเราก็รู้สึกเอา
一旦身体动,我们觉知
จิตใจมันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เราก็รู้สึกเอา
心有任何动荡变化,我们觉知
ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งวัน ทั้งคืน 
这样就能够时时刻刻看到发生的变化
อย่างนั่งกันอยู่อย่างนี้ ใจเราก็หนีไปหนีมา
比如现在这样坐着,心跑来跑去……
หนีไปคิด ให้สังเกตเอา ใจมันวิ่งไปวิ่งมา
跑去想,要观察到心“跑来跑去”
พอจิตใจมันอยู่กับตัวเองแล้ว
一旦心和自己在一起了
ต่อไปเราจะเห็นขันธ์มันจะแยก
接下来我们就会看到蕴的分离
สิ่งที่มันเคยเข้าใจผิดว่าคือตัวเราที่แท้จริง
这个曾经被误解为“真正的我”的事物
มันจะค่อยๆ แยกออกไปเป็นส่วนๆ
会逐渐分成不同的部分
อย่างร่างกายก็แยกออกไปส่วนหนึ่ง จิตเป็นคนดู
比如身体分出来成为一部分,心是观者
อย่างขณะนี้ร่างกายมันนั่ง จิตเป็นคนดู
比如,这一刻身体坐着,心是观者
ถ้าจิตเราตั้งมั่นจริง เป็นผู้รู้ผู้ดูจริง
如果心真的安住成为知者、观者
เราจะเห็นทันทีเลยว่า ร่างกายเป็นของถูกรู้
我们即刻就会看到身体是被觉知的对象
ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา เฝ้ารู้เฝ้าดูไป
不是“我”,不是“我的”。不断去观察、体会
บางทีความรู้สึกสุขความรู้สึกทุกข์ มันเกิดขึ้นในร่างกาย
有时候苦乐的感觉在身体里生起
อย่างเรานั่งนานๆ มันปวดมันเมื่อยขึ้นมา
如果坐久了,身体会痛、会酸
เราก็จะเห็นความปวดความเมื่อยก็เป็นของถูกรู้อีก
我们就会看到酸痛的感觉也是被觉知的对象
หรือเวลาเราไม่สบาย เจ็บปวดในร่างกายส่วนไหนก็ตาม
或者不舒服的时候,不管身体哪个部位疼痛
เราก็จะเห็นความเจ็บปวดก็เป็นของถูกรู้ จิตใจมันเป็นคนรู้คนเห็น
我们会看到疼痛也是被觉知的对象,心是知者、观者
ถ้าจิตใจตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดูเป็นผู้เห็น
如果心安住成为知者、观者,作为观众
ก็จะเห็นว่าความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ตัวเราหรอก มันไม่ใช่ร่างกาย
และมันก็ไม่ใช่จิต 
就会看到“疼痛”不是“我”,不是身,也不是心
อย่างความปวดเมื่อยในร่างกาย เรานั่งนานๆ มันเมื่อยถ้าคนทั่วไปจะรู้สึกเราเมื่อย
比如坐久了身体酸痛,普通人会觉得“我”酸
แต่ถ้าเราเป็นนักปฏิบัติ เรามีสติ มีจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่
但我们是修行人,有觉性,心安住作为知者、观者
เราจะเห็นร่างกายมันนั่งอยู่ เห็นความปวดเมื่อยแทรกอยู่ในร่างกาย
就会看到身体正坐着,“酸痛”渗透进身体
ความปวดเมื่อยก็เป็นคนละอัน เป็นคนละสิ่งกับร่างกาย
และเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
酸痛和身体是不同的两个部分,且是被心觉知的对象
ฉะนั้นพอเรามีจิตเป็นผู้รู้
因此我们的心一旦成为“知者”
พอสติระลึกรู้ลงในร่างกาย ก็จะเห็นร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
觉性捕捉到身体,就会看到身不是“我”
มีจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ พอมีความสุข ความทุกข์เกิดขึ้นในร่างกาย
心安住成为“知者”,一旦苦乐在身体上生起
ก็จะเห็นความสุขความทุกข์เป็นของถูกรู้ 
就会看到苦乐是被觉知的对象
ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราไม่มี
不是“我”,“我”不存在
เราคอยเฝ้ารู้เฝ้าดูไปเรื่อยๆ เราจะเห็น
反复地观察、体会,我们就会看到——
เวลาความสุขเกิดขึ้น จิตใจมันก็ยินดีพอใจ
เวลาความทุกข์เกิดขึ้น จิตใจก็ไม่พอใจ
快乐生起时,心就满意;苦生起时,心就不满意
ความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเรา เรียกว่าสังขาร
在我们心里的变化,称为“行蕴”
ความเปลี่ยนแปลงในจิตใจนี้มันเป็นของถูกรู้ถูกดูอีก มันก็ไม่ใช่ตัวเรา
心理变化也是被觉知的对象,不是“我”
เฝ้ารู้ลงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
持续地观下去,就会看到身不是“我”
ความสุขความทุกข์ไม่ใช่ตัวเรา
苦乐不是“我”
ความคิดนึกปรุงแต่งทั้งหลาย จะดีหรือชั่วก็ตามมันก็ไม่ใช่ตัวเรา
所有的思维、造作,无论好坏都不是“我”
เฝ้ารู้เฝ้าดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ผ่านวัน เดือน ปี ไป
日复一日、年复一年,反复观察……
สุดท้ายจิตมันจะฉลาดลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
มันจะเห็นว่าแม้กระทั่งตัวจิตเองก็ไม่ใช่ตัวเรา
心最终会聪明起来,看到连心本身也不是“我”
ตัวจิตเดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย
它一会儿苦,一会儿乐,一会儿好,一会儿坏
เดี๋ยวโลภ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหลง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
一会儿贪,一会儿嗔,一会儿痴,不停地变化着
จิตใจจะสุขหรือจิตใจจะทุกข์ เราก็สั่งไม่ได้
心是苦是乐,我们无法命令
จิตใจจะดี หรือจิตใจจะชั่ว เราก็สั่งไม่ได้ 
心是好是坏,我们也指挥不了
เฝ้ารู้เฝ้าดูไป ในที่สุดเราก็จะเห็นว่า สุดท้ายแล้วกระทั่งจิตมันก็ไม่ใช่ตัวเรา
反复地观察,就会发现——即便心也不是“我”
ถ้าจิตใจไม่ใช่ตัวเราแล้ว มันจะไม่มีอะไรเป็นตัวเราอีกแล้ว
如果心不是“我”了,那再也没有什么是“我”了
เพราะสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นเราเหนียวแน่น มั่นคงมากที่สุด คือตัวจิตใจเรานี่เอง
因为我们最执著的事物,其实就是我们的心
เฝ้ารู้เฝ้าดู รู้เท่าทันไปเรื่อยๆ
反复观察,不断及时地看破
เราก็จะถอดถอนความเห็นผิด ว่ากายเป็นเรา
我们将会从身是“我”、苦乐是“我”
สุขทุกข์เป็นเรา ความดีความชั่วทั้งหลายเป็นตัวเรา
好坏是“我”等等的错误认知中解脱出来
อันนี้เป็นการเห็นผิดทั้งหมดเลย จะถอดถอนออก
这些全是误解,误解得以消除——
กระทั่งตัวจิต เป็นคนรู้คนดูมันก็ไม่ใช่ตัวเรา 
甚至包括作为知者、观者的心也不是“我”
วัดพระอาจารย์นี่ แมงหวี่เยอะเหมือนกันนะ จะเข้าตาอยู่เรื่อย 
阿姜给尊者寺院有很多果蝇,不断飞进眼睛
เห็นจิตไหม จิตหนีไปหนีมา
看到心了吗?心跑来跑去
ภาวนาดีขึ้นเยอะเลยนะ พวกที่นั่งแถวหน้านี่ดูดีเชียวล่ะ
修行进步很大,坐在第一排的面貌看起来非常不错
ภาวนาใช้ได้เลย ค่อยๆ รู้สึกไป 
修行不错!要不断地觉知自己
ฉะนั้นจุดเริ่มต้นคือรู้สึกตัวให้ได้
修行的起点是要能够觉知自己
ถ้าใจเราหนีไป มีร่างกายเราก็ลืมร่างกาย
如果我们的心跑掉了,有身忘记身
มีความสุขทุกข์เกิดขึ้น เราก็ลืม
有苦乐生起,我们会忘记
จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เราก็ลืม
心是善或不善的,我们也会忘记
ที่จริงการภาวนาไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก
事实上,修行并不难
เรารู้สึกตัวแล้วก็คอยเห็นไป
我们能觉知自己后,就慢慢去体会——
ร่างกายถูกรู้ ความรู้สึกถูกรู้
身体是被观察的对象,感受是被观察的对象
กุศลอกุศลทั้งหลายถูกรู้
所有的善与不善是被观察的对象
จิตใจเองก็เป็นของถูกรู้
心本身也是被观察的对象
เดี๋ยวจิตก็รู้ตัว เดี๋ยวจิตก็หลง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
心时而觉知,时而迷失,不停地变化着
เดี๋ยวจิตก็รู้ตัว เดี๋ยวจิตก็ไปคิด
心一会儿觉知自己,一会儿去想
เดี๋ยวจิตก็รู้ตัว เดี๋ยวจิตก็วิ่งไปดู หลงไปดู เดี๋ยวก็หลงไปฟัง
一会儿觉知自己,一会儿又迷失去看、去听
เดี๋ยวก็หลงไปคิด ให้เราคอยรู้เรื่อยๆ ไป
一会儿又迷失去想,我们要不断地觉知下去
พอเรารู้บ่อยๆ สุดท้ายเราก็จะเห็นเลยจิตไม่ใช่ตัวเรา 
一旦常常觉知,最后我们就会看到心不是“我”
ถ้าวันใดเราภาวนาจนเราเห็นว่ากระทั่งจิตไม่ใช่ตัวเรา เราจะเข้าใจธรรมะแล้ว
修行至看到“连心也不是我”,我们就会明白法了
ลำพังการเห็นร่างกายไม่ใช่ตัวเรา มันเห็นง่าย
仅只是看到身不是“我”,容易看到
คนไม่ได้ปฏิบัติก็รู้สึกได้
没有修行的人也能感觉到
อย่างคนทั่วๆ ไปเขามีชีวิตอยู่ช่วงหนึ่ง เขาเจ็บป่วยหรือเขาจะตาย
比如,普通人活到一定岁数生病或要死了
เขาเห็นเลยร่างกายเป็นของบังคับไม่ได้
就会看到身体是不受控制的
ร่างกายมันดูง่ายว่ามันไม่ใช่ตัวเรา
看到身体不是“我”是很容易的
แต่ตัวที่จะทำให้เราแตกหัก เข้าใจธรรมะได้จริงๆ ก็คือตัวจิต
而真正让我们明白法的分水岭是心
ถ้าเมื่อไรเราเห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา
如果什么时候看到心不是“我”
จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้เป็นตัวเราอีกแล้ว
世间就再也没有任何事物是“我”了
เพราะจิตนั้นเป็นศูนย์กลางของชีวิต
จิตใจเป็นศูนย์กลางของโลกของจักรวาลทั้งหลาย
因为心是生命的中心,是所有世间、宇宙的中心
เราเอาจิตใจตัวเองเป็นตัวตั้ง นอกนั้นเป็นของอยู่ข้างนอกๆ ออกไปเรื่อยๆ
我们把心作为核心,此外全是不断向外延伸的事物
อย่างร่างกายก็อยู่ข้างนอกไม่ใช่จิต
比如身体在外面,不是心
บ้านช่องห้องหออะไรอย่างนี้ก็อยู่ข้างนอก ไม่ใช่จิต
各种建筑物也在外面,不是心
โลกก็อยู่ข้างนอก ไม่ใช่จิต
世间也在外面,不是心
ถ้าจิตไม่เป็นเราซักอย่างเดียว ของอื่นก็ไม่เป็นเราแล้ว 
只要心不是“我”,其他事物就都不是“我”了
เพราะฉะนั้นการภาวนาพยายามตัดตรงมาที่จิต
因此,修行要尽量直捣黄龙——心
สังเกตอยู่ที่จิตไป ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ ไม่หลง ไม่เผลอ
以安住、觉知、不迷失的心去观察心
ส่วนใหญ่หลงก็หลงอยู่ในความคิด
(就会发现)大部分迷失都是迷失在念头里
ทีนี้พอเรารู้สึกอยู่เรื่อยๆ จิตไหลไปคิดปุ๊บ
一旦常常觉知,心跑去想的一瞬间
เราแล้วรู้ปั๊บ จิตมันจะตื่นขึ้นมา จิตเราจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นขึ้นมา
就能即刻捕捉到,心就会醒来变成“知者、觉醒者”
พอจิตมันตื่นขึ้นมาแล้ว สติระลึกลงที่ใด ก็จะเห็นว่าที่นั้นไม่มีตัวเราแล้ว
一旦心醒了,觉性捕捉到哪里,就看到那里没有“我”
วันหนึ่งสติมันย้อนมาดูตัวจิต ที่เป็นคนรู้คนดูอยู่
如果有一天觉性反观“知者、观者”的心
มันจะเห็นว่าตัวจิตก็ไม่ใช่ตัวเรา
就会看到心也不是“我”
พอเห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา มันจะรู้แจ้งแทงตลอดเลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง
一旦看到心不是“我”,就会彻见所有的一切
ร่างกายจิตใจ กระทั่งวัตถุสิ่งของภายนอก
身、心、包括外部一切物质现象
หรือบุคคลอื่นสัตว์อื่น มันไม่เป็นเราหมดเลย
或其他人、其他众生都不是“我”
ความเป็นเราจะหายไปทันทีเลย 
“我存在的感觉”立即消失
เมื่อความเป็นเราไม่มี ความทุกข์จะไม่มีที่ตั้ง
什么时候“我”不存在了,苦就没有了立足之地
ทุกวันนี้ที่เรามีความทุกข์อยู่เพราะมันมีเราอยู่
现今我们之所以有苦,是因为有“我”在
เวลาร่างกายไม่สบาย เราก็คิดว่าเราไม่สบาย
身体不舒服时,我们就觉得“我”不舒服
เวลาอกหักอะไรอย่างนี้ คนอื่นเขาทิ้งเราไป
失恋时,对方弃我们而去
เราก็คิดว่าเราอกหัก เรามีความทุกข์
我们觉得“我”失恋了,“我”苦
มันเกิดจากการหลงคิดทั้งหมดเลย
这些全都是因为心迷失在念头
ถ้าใจเราเป็นแค่คนรู้คนดู เราจะเห็นว่าโลกนี้ว่างเปล่า
如果心仅仅作为“知者、观者”,会看到世间如梦
เราจะเห็นโลกนี้ว่างเป็นลำดับๆ ไป การว่างมันมีอยู่หลายว่าง
并且有次第地看到这世间的“空”。“空”有好几种
อย่างในเมืองจีนก็มีธรรมะเกี่ยวกับเรื่องความว่างเยอะแยะเลย
中国有非常多与“空”有关的法
โดยเฉพาะคำสอนทางเซน อย่างท่านเว่ยหลาง ท่านฮวงโปอะไรพวกนี้
尤其禅宗,比如慧能大师、黄檗禅师等等
พูดเรื่องความว่างเยอะแยะเลย เพราะความว่างมีหลายระดับ
讲到非常多的“空”,但是“空”有好几个层次
ความว่างอันแรกเลย มันว่างด้วยสมาธิ
“空”的第一个层次是因为禅定而空
อย่างใจเราฟุ้งซ่าน เวลาใจเราฟุ้งซ่าน เราจะรู้สึกว่าตัวเรามีจริงๆ
比如,在心散乱时,我们就觉得“我”真的存在
ทีนี้พอเราทำความสงบ เช่น หายใจเข้า บริกรรมว่า พุท หายใจออก บริกรรมว่า โธ
如果修习宁静,比如吸气念“佛”,呼气念“陀”
พอจิตสงบลง มันจะว่าง ว่างจากอะไร
一旦心宁静下来,就会“空”。“空“于什么?
ว่างจากกิเลสระดับกลางๆ เรียกว่างจากนิวรณ์
“空”于中等的烦恼,称为“空”于五盖
ฉะนั้นสมถกรรมฐานหรือสมาธิ ทำให้จิตเราว่างระดับหนึ่ง
因此,修习奢摩他或禅定能让心来到第一层空
คือว่างจากนิวรณ์ ว่างจากความรักใคร่ผูกพัน
也就是“空”于五盖——“空”于爱的缠缚
ว่างจากความเกลียดชัง โกรธแค้น ว่างจากความฟุ้งซ่าน
“空”于嗔恚仇恨,“空“于掉举散乱
ว่างจากความลังเลสงสัย ว่างจากความเซื่องซึม
“空“于犹豫怀疑,“空“于昏沉睡眠
จะว่างจากสิ่งเหล่านี้ คือว่างจากนิวรณ์ 5 ตัว
这些现象会消失,也就是摆脱了五盖
ว่างจากกิเลสหยาบๆ กิเลส 5 ตัวนี้ อันนี้ว่างด้วยกำลังของสมาธิ 
空于这五种粗重烦恼,这是基于禅定力量而“空”
ทีนี้มีว่างสูงขึ้นไปอีกคือ ว่างด้วยวิปัสสนา
还有更高层次的“空”,基于毗钵舍那而“空”
วิปัสสนาคือการเห็นความจริงของร่างกาย ของจิตใจ
毗钵舍那,即是洞见身心的实相
มันว่างอย่างไร เราจะเห็น
它如何“空”呢?我们会看到……
อย่างเราคอยรู้สึกตัว
比如,不断地觉知自己
เราเห็นร่างกายมันไม่ใช่เรา เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
我们看到身体不是“我”,是无常、苦、无我的
เห็นความรู้สึกสุขทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
看到苦乐的感觉是无常、苦、无我的
เห็นความดีความชั่วทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา
看到所有的好坏是无常、苦、无我的
เห็นจิตใจเองก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
看到心本身也是无常、苦、无我的
จิตนี้เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย เดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์
心时好时坏,时苦时乐
ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
无法操控,无法掌控,始终变化
ตรงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเรียกว่า อนิจจัง
ตรงที่เราควบคุมบังคับมันไม่ได้ เรียกว่า อนัตตา 
“始终变化”称为“无常”;“无法操控”称为“无我”
การที่เราเห็นร่างกาย เห็นจิตใจว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
จิตจะเข้าไปสู่ความสงบ
当我们看到身心的无常、苦、无我,心会契入宁静
มันสงบอีกแบบหนึ่ง ไม่สงบแบบสมาธิ
它是另一种形式的宁静,非禅定类的宁静
สมาธิมันสงบเพราะเราใช้กรรมฐาน
แล้วจิตเราแนบอยู่ในอารมณ์ กรรมฐานอันเดียว
禅定类宁静是因为心与单一所缘粘在一起
เลยสงบไม่มีนิวรณ์ มา ฟุ้งซ่านเบียดเบียน
于是宁静了,没有五盖、散乱来捣乱
แต่การที่เราเจริญปัญญา ทำวิปัสสนาดูกายไป ดูใจไป
但修习毗钵舍那,观身、观心来开发智慧
เราก็จะเห็นเลย ร่างกายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
我们就会看到身是无常、苦、无我的
ความรู้สึกสุขทุกข์มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
苦乐的感觉是无常、苦、无我的
ความปรุงแต่งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว เช่น โลภ โกรธ หลง
มันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
造作好坏如贪嗔痴,也是无常、苦、无我的
พอเราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนแต่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
一旦我们看到一切都是无常、苦、无我的
เราจะเห็นว่าทุกอย่างเสมอกัน
就看到一切都是平等的
ความสุขและความทุกข์เสมอกัน เสมอกันตรงที่ว่า
苦与乐是平等的,平等体现在——
ความสุขก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เหมือนๆ กัน 
乐是无常、苦、无我的,苦也同样是无常、苦、无我的
พอเราเห็นอย่างนี้แล้ว ใจเราก็จะไม่แกว่งขึ้นแกว่งลง ไม่กระเพื่อมหวั่นไหว
一旦我们如此照见后,心就不再跌宕起伏
เวลาจิตใจมีความสุข จิตใจก็ไม่ฟู หลงว่ากูดี กูเก่ง
快乐的时候,心不膨胀误以为“老子最好、最棒”
เวลาจิตใจมีความทุกข์ จิตใจก็ไม่หดหู่ ห่อเหี่ยว เศร้าหมอง
苦的时候,心也不萎靡不振、惨淡悲伤
จิตใจมันเป็นกลาง ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตใจก็เข้าสู่ความเป็นกลาง
心是中立的,不管发生什么,心都契入中立
ตรงเป็นกลางนี้ มันว่าง เป็นความว่างอีกอย่างหนึ่ง
中立时,它是另一种形式的“空”
เป็นการว่างเพราะวิปัสสนา เพราะการเจริญปัญญา
因毗钵舍那而空,因开发智慧而空
ฉะนั้นว่างมีหลายอย่าง
因此“空”有好几种——
ว่างเพราะสมถะ ว่างเพราะวิปัสสนา
基于奢摩他而“空”,基于毗钵舍那而“空”
แต่รสชาติของความว่างไม่เหมือนกัน
但是“空”的味道不同
ว่างของสมาธิ มันจะว่าง สงบอยู่ ไม่มีกิเลสอะไรมารบกวน
源于奢摩他而“空”,心宁静、没有烦恼杂染的侵扰
ในขณะที่เราทำสมาธิ จิตสงบอยู่
在我们修习禅定时,心是宁静的
พอเราออกจากสมาธิ กิเลสก็กลับมาใหม่
一旦出定,烦恼杂染又会卷土重来
แต่เวลาเราว่างด้วยการเจริญปัญญา
但是因为开发智慧而“空”
บางทีจิตทรงตัวอยู่ได้นาน สงบ สบาย ว่าง อยู่ได้นานๆ
心有时可以独立凸显,宁静、舒服,“空”很久
แต่ก็ไม่เกิน 7 วัน เดี๋ยวก็เสื่อมอีก 
但不超过七天又会再度退失
เพราะฉะนั้นความว่างมีหลายระดับ
因此,“空”有好几个层次
อย่างที่พวกเราดูกาย ดูใจ เราดูไปเรื่อยๆ
比如大家观身观心,不断地观照
ในที่สุดเราก็จะเห็นร่างกายนี้ไม่ว่ามันจะสุข หรือมันจะทุกข์
最终就会看到身体不论是苦还是乐
จิตใจนี้ไม่ว่าจะสุข จะทุกข์หรือจะดีจะชั่ว ก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับ
心不论是苦乐还是好坏,都不在掌控范围内
เราควบคุมมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นจิตจะค่อยๆ เป็นกลาง
我们控制不了它,于是心就会慢慢中立
ตรงเป็นกลางนี้มันจะว่าง ว่างด้วยปัญญาแล้ว
保持“中立”的心会“空”,源于智慧而“空”
ถัดจากนั้นจะมีว่างที่สูงขึ้นไปอีก
之后,将有更高层次的“空”——
ว่างด้วยอริยมรรค ว่างด้วยอริยผล ว่างด้วยพระนิพพาน
因圣道而空、因圣果而空、因涅槃而空
อย่างที่ท่านเว่ยหลาง ท่านฮวงโปพูดถึง ว่างๆ
ท่านกระโดดไปพูดถึงว่างๆ ของนิพพาน
惠能大师、黄檗禅师论及的“空”是直论涅槃的“空”
ซึ่งพวกเรายังไม่เห็นหรอก คิดเอาก็ไม่ได้
但是,我们还没看到过,无论如何想不出来的
เราก็ต้องฝึกเป็นลำดับๆ ไป 
我们必须要有次第地去训练
ทีแรกจิตใจเราฟุ้งซ่าน เราก็ทำความสงบเข้ามา
起先,心散乱时,我们修习宁静
จิตเราก็ว่างจากนิวรณ์ ว่างจากกิเลส ที่คอยกระตุ้นให้จิตใจฟุ้งซ่าน
心将“空”于五盖,“空”于导致散乱的烦恼杂染
จิตใจก็สงบ สบาย ว่างอยู่ อย่างนี้ว่างระดับที่หนึ่ง
心宁静、舒服、“空”,这是第一层“空”
เราเจริญปัญญาไป เห็นความจริงของร่างกาย
当我们开发智慧,看到身体的实相
ร่างกายจะสุขหรือจะทุกข์ จิตใจก็เป็นกลาง ก็ว่าง ไม่กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง
无论身体是苦是乐,心都保持中立而空,不动荡起伏
หรือเราเห็นความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง
或者我们看到所有感觉与念头变化——
เดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ ใจเราบางทีก็เฉยๆ
一会儿苦,一会儿乐,一会儿不苦不乐
ในใจก็ยังมีสุขมีทุกข์ มีเฉยๆ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
心依然有乐、有苦、有不苦不乐,不断盘旋变化
เราก็จะเห็นนะ สุขก็อยู่ชั่วคราว
我们看到“乐”是暂时的
ทุกข์ก็ชั่วคราว เฉยๆ ก็ชั่วคราว
“苦”是暂时的,“不苦不乐”也是暂时的
ฉะนั้นไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะดีหรือชั่ว แม้กระทั่งความโลภ โกรธ หลง
不论是苦是乐,是好是坏,甚至贪嗔痴
โกรธก็ไม่มีใครโกรธตลอดเวลา
(比如)生气,没有谁可以不停地生气
มันโกรธก็โกรธชั่วคราว อย่างเราเกลียดคนนี้
“生气”也是暂时的。比如我们厌恶某人
นึกถึงคนนี้ทีไร เราก็โกรธขึ้นมา เราไม่พอใจ
每次想到此人就生气,就不满意
เราชอบคนนี้ พอเรานึกถึงคนที่เราชอบ
如果喜欢这个人,一旦想到喜爱的人
เรารู้สึกมีความสุขจังเลย จิตใจเพลิดเพลินพอใจ มีราคะเกิดขึ้น
我们就觉得快乐,想入非非,有贪欲生起
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่ามันจะสุขหรือทุกข์
因此,这些现象不论是苦还是乐
จะดีหรือชั่ว มันเป็นของชั่วคราวทั้งหมดเลย
是好还是坏,全都是转瞬即逝
เรียนให้เห็นความจริงตรงนี้ให้มากๆ เรียกว่าเราเจริญวิปัสสนาอยู่
尽可能多地看见这样的实相,称为我们在修毗钵舍那
ในที่สุดจิตเราจะเป็นกลาง ต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
最终,心对所有现象保持中立——
ความสุขเกิดขึ้น จิตก็ไม่ฟูขึ้นมา
快乐生起,心不膨胀
ความทุกข์เกิดขึ้น จิตก็ไม่ห่อเหี่ยว กลุ้มใจ
痛苦生起,心也不郁郁寡欢、一蹶不振
ความดีเกิดขึ้น อย่างจิตใจวันนี้ ภาวนาสติเกิดบ่อย
好的状态生起,比如今天修行时,觉性频繁生起
ใจเราก็เป็นกลาง ไม่ได้หลงดีใจ
心保持中立,不会洋洋得意而忘乎所以
วันนี้สติดีจัง พรุ่งนี้จะต้องดีอย่างนี้อีก
今天觉性真好!明天一定还会这么好!
มันดีไม่ได้ตลอดหรอก เพราะมันเป็นของไม่เที่ยง
不可能的,因为它们是无常的
ฉะนั้นเวลาจิตใจมันดี
因此,心“好”的时候
เราภาวนาจนชำนาญแล้ว เราจะเห็นว่า แค่ความรู้สึกอันหนึ่งเท่านั้นเอง
如果修行已臻娴熟,就会看到它仅仅是一种感觉
ความรู้สึกดีๆ ทั้งหลาย เดี๋ยวก็ผ่านไป
所有“好”的感觉很快就过去
เวลาความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น เราก็จะเห็นเอง
当“不好”的感觉生起,我们会看到——
ความรู้สึกไม่ดีก็อยู่ชั่วคราว แล้วมันก็ผ่านไป
“不好”的感觉也是临时存在,一会儿就过去了
ทุกอย่างมีแต่ผ่านมาแล้วผ่านไป ผ่านมาแล้วผ่านไปตลอดเวลา
一切始终都是“来了就走、来了就走”
พอเห็นอย่างนี้ ต่อไป ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าดีหรือชั่ว ผ่านเข้ามาในใจเรา
一旦如此照见,接下来不论苦乐好坏在心中经过
ใจเราจะเฉยๆใจเราจะเป็นกลาง มันมีความสุขอยู่ในตัวเอง
心都波澜不惊、保持中立,自身就有快乐
ทั้งๆ ที่ร่างกายกำลังเจ็บป่วย จิตใจก็มีความสุขอยู่ได้
即使身体正在生病,心也依然有快乐
ถ้าเจริญวิปัสสนามาดีแล้ว
如果训练毗钵舍那达至纯熟
ร่างกายป่วยนอนเจ็บ แต่จิตใจปลอดโปร่งโล่งเบา
就算身体卧病在床,心却神清气爽、了无牵挂
มันไม่กลุ้มใจ เพราะมันเห็นว่า ร่างกายมันธรรมดา ที่มันต้องเจ็บป่วยอย่างนี้
不苦闷是因为看到“身体生病”是正常的
หลวงพ่อเคยเป็นมะเร็ง เมื่อ 3-4 ปีก่อน ไปให้คีโม
隆波在三、四年以前得了癌症,进行化疗
วันๆ หนึ่ง ถูกเข็มแทงเยอะแยะเลย เดี๋ยวเจาะเลือด
每天都被针扎很多次,一会儿抽血
เดี๋ยวตรวจโน้นตรวจนี้ เดี๋ยวผ่าตัด
一会儿检查这里、检查那里,一会儿又做手术
ทำนั่นทำนี่ เจ็บตัวอยู่ทั้งวัน มีเรื่องเจ็บตลอดเวลา
一会做这,一会做那的,一整天身体疼痛不断
แต่ว่าจิตใจหลวงพ่อไม่หวั่นไหว
但是隆波的心毫不动摇
มันเห็นร่างกายมันเจ็บ ใจเราเป็นแค่คนรู้คนดู
看到身体疼痛,心仅仅是“知者”、“观者”
ใจมันเป็นกลาง ใจมันไม่หวั่นไหว พิสูจน์มาด้วยตัวเอง
保持中立,没有丝毫动摇,亲身验证过了
ไปผ่าตัด หลวงพ่อก็นอนนิ่งๆ
做手术时,隆波静静地躺着
เราก็ดูร่างกาย ถูกหมอกรีดตรงนั้น ผ่าตรงนี้ เราเป็นคนดูอยู่เฉยๆ
看着身体被医生扎这里割那里,自己只是“旁观者”
ร่างกายมันบางทีก็เจ็บ บางทีก็ไม่เจ็บ เขาให้ยาชายาอะไรพวกนี้
身体时痛时不痛,医生会打麻药
บางที พอยามันอ่อนลง ยามันหมดฤทธิ์ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
有时药效减退或过了有效期,就会感觉疼痛
แต่จิตใจเรามันไม่ฟู ไม่แฟบ มันอยู่เฉยๆ มันเป็นคนดูเท่านั้นเอง
但心不膨胀、收缩,只是旁观,一副事不关己的样子
เพราะฉะนั้นจิตที่เราฝึกมาให้ดี ฝึกให้ชำนาญ
因此,训练好了的心
โดยเฉพาะการฝึกวิปัสสนา ฝึกให้เห็นเลยว่าร่างกายไม่ใช่เรา
尤其是通过修习毗钵舍那洞见身不是“我”
ความสุข ทุกข์ ก็ไม่ใช่เรา กุศล อกุศล ดี ชั่วอะไรก็ไม่ใช่เรา
苦乐不是“我”,善恶、好坏也不是“我”
จิตใจก็เป็นแค่ธรรมชาติรู้ ไม่ใช่เรา
心仅仅是“能观”不是“我”……
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตใจมันจะไม่หวั่นไหว มันจะเป็นกลาง สงบอยู่อย่างนั้น
不论发生什么,心都如如不动,中立与宁静
บางทีหมอรักษาหลวงพ่อเสร็จแล้ว ผ่าเสร็จแล้ว เขาก็ถามหลวงพ่อว่า
有时医生给隆波做完手术,问隆波:
หลวงพ่อนอนหลับหรือตอนที่เขาผ่าอยู่ บอกไม่ได้หลับ
“做手术时,您睡着了吗?”回答:“没睡着”
ทำไมหลวงพ่อนิ่งจังเลย หลวงพ่อไม่ร้องโอดโอย คร่ำครวญ
“那为什么您一动不动、不叫喊、不呻吟呢?”
บอกจะให้หลวงพ่อร้องเหรอ
隆波反问:“难道要让隆波鬼哭狼嚎吗?”
เราไม่รู้จะร้องทำไม
自己不知道:为什么要哭喊啊?
เราก็แค่เห็นร่างกายมันไม่สบาย ร่างกายกำลังถูกหมอรักษาอยู่อย่างนี้
隆波就只是看着身体不舒服,身体正在接受医生治疗
มันช่วยเราได้จริงๆ การปฏิบัติ
修行真的可以帮到我们
แต่ถ้าตรงนี้ เราทำได้ ดีที่สุด
如果我们可以做到这点最好了——
ทำวิปัสสนา ดูไปร่างกายไม่ใช่เรา
修习毗钵舍那,看到身不是“我”
ฉะนั้นที่หมอผ่าไม่ได้ผ่าเรา เขาผ่าฝี
医生不是对“我”手术,是对“脓疮”手术
สมมติว่าเราเป็นฝีหมอไม่ได้ผ่าเรา หมอผ่าฝีต่างหาก
假设患有脓疮,医生对脓疮做手术
ไม่ได้ผ่าเรา เราก็ไม่เดือดร้อนอะไร
没有对“我”做手术,因此我们不必痛苦
ความรู้สึกเจ็บเกิดขึ้นเป็นคราวๆ ความรู้สึกเจ็บก็เป็นของถูกรู้ ถูกดู
痛感不时生起,也只是被觉知、被观察的对象
มันไม่ใช่เราอีก มันไม่ใช่เราเจ็บ
它也不是“我”,不是“我”痛
เราเป็นคนดู มันรู้สึกอย่างนี้
“我”仅是观者,会这样感觉
ฉะนั้นเวลาเจ็บป่วยขึ้นมาจริงๆ จะเห็นเลยว่ามันไม่ใช่เราหรอก
因此,当疼痛真发生时,看到它不是“我”
ร่างกายไม่ใช่เรา ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ใช่เรา ใจเราก็สงบ สบายอยู่อย่างนั้น
身不是“我”,疼痛不是“我”,心如此宁静与惬意
ไปอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน
รอบแรกอยู่ 4 เดือนกว่า ไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลย
隆波第一回合在医院住了四个多月,没离开过病房
ยกเว้นเข็นจากห้องหนึ่ง ไปอีกห้องหนึ่ง
最多就是从一个房间被推到另一个房间
ไปทำนั้นทำนี้ ผ่าโน้นผ่านี้ ไปเช็คนั่นเช็คนี่ ไปเรื่อยๆ
去做各种检查与手术,不断地验查全身
นอกนั้นไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลย อยู่กับที่อย่างนั้น
除此之外,没出过病房门,一直待在屋里
พวกหมอ พวกพยาบาลมาถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อไม่สบายมากอย่างนี้
医护人员问隆波:“隆波生病这么严重
แล้วอยู่โรงพยาบาลตั้งนาน หลวงพ่อเหงาไหม เบื่อไหม
在医院又待了这么久,寂寞吗?无聊或厌烦吗?”
หลวงพ่อบอกว่า เบื่อมันเป็นโทสะ
隆波回答:“厌烦属于嗔心
อยู่ตรงไหนเราก็มีความสุขอยู่ตรงนั้น เราไม่ได้เบื่อเลย
待在哪里就在那里有快乐,隆波不会厌烦的
มีความสุขอยู่ได้ทุกหนทุกแห่ง
无论在天涯海角都可以过得快快乐乐。”
สิ่งเหล่านี้เราจะได้มาด้วยการปฏิบัติ ไม่ได้มาด้วยการร้องขอ
以上这些可以通过修行而获得,而非经由祈祷求得
อย่างเราจะไปจุดธูปไหว้เทวดา ไหว้พระนั้นพระนี้ ขอให้เราไม่มีความทุกข์
比如焚香拜神,祈求各路神明不要让我们苦
เป็นไปไม่ได้ชีวิตกับความทุกข์เป็นของคู่กัน
不可能的,(因为)生命与苦如影随形
ฉะนั้นเราจะไม่อ้อนวอนร้องขอ ให้เทวดา
因此,我们不用对着神明祷告祈求
ให้พระช่วยอย่างนั้น ช่วยอย่างนี้
请帮助这个、护佑那个
แต่เราจะช่วยตัวเอง ด้วยการเรียนรู้ตัวเองนี่ล่ะ
我们是透过认清自我的方式来自助
ทีนี้บางคนทำวิปัสสนายังไม่เป็น แต่หลวงพ่อก็สอน
如果有人还不会修毗钵舍那,隆波就教导
ถ้าอย่างนั้นก็ทำสมถะไปก่อน ถ้าทำวิปัสสนาไม่เป็น
如果还不会修毗钵舍那的话,那就先修奢摩他
ทำวิปัสสนาเป็นก็คือ ดูกาย ดูใจ
会修习毗钵舍那是指:观身、观心
เห็นกายเห็นใจ มันทำงานไป จิตเป็นคนดู
看到身心工作,心是“观者”
เราทำวิปัสสนาอยู่
说明我们在修习毗钵舍那
แต่ถ้าเรายังแยกขันธ์ไม่เป็น ไม่มีตัวผู้รู้ ไม่มีอะไรเลย
假如还不会分离蕴,没有“知者”,什么都没有
เราเกิดฉุกเฉินเจ็บป่วยขึ้นมาทำอย่างไร
发生意外出现疼痛了怎么办?
ทำวิปัสสนาไม่ได้ ทำสมถะ
修不了毗钵舍那就修奢摩他
อย่างตอนเราไปทำฟัน เคยทำฟันไหม
比如去看牙医。看过牙医吗?
ไปหาหมอทำฟัน ขูดหินปูนหรืออะไรต่ออะไร
找医生看牙齿、清洗牙垢等
เวลาทำฟันมันหวาดเสียว
在整治过程中真是胆战心惊
หมอมาทำอะไรอยู่ในปากเราเสียงดังๆ
医生在我们嘴部作业会发出震耳欲聋的声音
เวลาเราเจ็บมากๆ บางทีเราก็เจ็บ
有时还会非常疼痛
ถ้าเราทำสมถะ ใช้สมาธิ
如果我们修习奢摩他,使用禅定
เรากำหนดจิตลงไป เอาจิตไปไว้ที่หัวแม่เท้าเลยก็ได้ ให้ไกลๆ จากปากเราหน่อย
就把心导引到大脚趾也行,离嘴巴远一点
มันเจ็บอยู่ที่ปาก เราเอาจิตย้ายไปอยู่ที่หัวแม่เท้าเรา
疼痛发生在嘴,我们把心转移到大脚趾
พอจิตไปสงบอยู่ตรงนั้น มันลืมตัวที่ปากเรานี้
一旦心安安静静待在那里,就会忘记嘴巴
เพราะฉะนั้นหมอจะทำอะไร เราไม่ตกใจ
不管医生做什么,我们都不会受惊
นานๆ เสียวขึ้นมาที เจ็บขึ้นมาที
好长时间惶恐生起一次,疼痛才生起一次
เราย้ายจิตเราไป ย้ายที่ไป
我们来个移心大法——转换注意力
อันนี้เป็นเรื่องของสมถะ เรื่องของสมาธิ
这属于奢摩他、禅定的范畴
สมาธิคือ การที่เราเอาจิตไปเพ่ง ไปแนบอยู่กับอารมณ์อันใดอันหนึ่ง
禅定就是让心去聚焦、浸泡在某一所缘
เช่น ย้ายจิตไปอยู่ที่หัวแม่เท้าเรา
比如,转换注意力来到大脚趾
หรือเท้าเราเจ็บ เราก็ย้ายจิตมาอยู่ที่จมูกอะไรอย่างนี้ ย้ายที่อย่างนี้ มันก็ไม่เจ็บ
或脚痛就转换注意力到鼻子,换地方就不痛了
หรือเจ็บก็เจ็บนิดๆ ไม่เจ็บเยอะหรอก
即使痛,也只一丁点,不会特别痛
อันนี้จำเป็นก็ทำ แต่ดีที่สุดฝึกวิปัสสนาให้ได้
有必要,就可以这样应用,但最好是训练毗钵舍那
ถ้าฝึกวิปัสสนาได้ สมาธิตก ใจเราก็ยังไม่หวั่นไหวทีเดียว
如果能修毗钵舍那,就算禅定退失,心依然不动摇
แต่ถ้าเราใช้สมถะ เราเพ่งไว้ที่หัวแม่เท้า
但如果使用奢摩他,盯着大脚趾
เพ่งๆ ไปแล้วหมดแรงเพ่ง จิตจะกลับมาเจ็บที่ฟันอีกแล้ว
聚焦、聚焦……没有力气时,心会回到疼痛的牙齿
หมอกำลังทำฟัน ก็จะกลับมาช่วยตัวเองไม่ไหว โอย เจ็บขึ้นมาอีก
牙医正在整治牙齿,那就无法自助,又痛了起来
แต่ถ้าสมาธิยังดีอยู่ ไม่ค่อยเจ็บ
不过如果禅定依然很好,就不怎么痛
แต่ถ้าสมาธิตก ก็เจ็บขึ้นมาอย่างนี้
但如果禅定退失,疼痛就会生起
แต่ถ้าวิปัสสนาไม่เป็นอย่างนั้น
但是,毗钵舍那不是那番情形
วิปัสสนา เวลาเจ็บ เห็นร่างกายมันเจ็บไม่ใช่เราเจ็บ
如果是毗钵舍那,疼痛时看到身体痛,不是“我”痛
คนละแบบกัน ร่างกายเจ็บไม่ใช่เราเจ็บ
完全天差地别——身痛,不是“我”痛
ฉะนั้นจิตใจไม่หวั่นไหว จิตใจสบาย
心不动摇,反而舒服自在
ต่อไปถ้าสมมติเราเจ็บหนักจริงๆ เรารู้ตัวแล้ว เราจะต้องตาย
以后万一我们真的病重,自知不久于人世
เวลาจะตายเราเห็น ร่างกายมันจะตายแล้ว จิตมันไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่เราตาย
临死时,看到身体要死了,不是“我”死
แต่ร่างกายมันกำลังจะตาย จิตไม่กระเพื่อมหวั่นไหว จิตตั้งมั่นเด่นดวง
而是身体将死,心不动摇,安住凸显
ถ้ายังไม่พ้นกิเลส ยังมีกิเลสอยู่
如果还未摆脱烦恼
ไปเกิดอีก เราจะไปเกิดในที่สุคติ ไปเกิดเป็นมนุษย์อีก
再次出生就会投生善道——生而为人
เป็นมนุษย์ที่ดีด้วย เป็นเทวดา เป็นพรหมอะไรพวกนี้
会是很好的人,或是生为天神、梵天等
แต่ถ้าจิตเราไปจมอยู่กับความทุกข์
但如果心沉浸在苦里
ร่างกายจะตายแล้ว เศร้าหมอง เสียใจ เราจะไปทุคติ
比如身体要死了,伤心就会投生恶道
ไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก
生而为鬼、阿修罗、地狱众生
หรือถ้าเราตายตอนเราใจลอย เราจะไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน
或是死的时候,心走神,就会投生为畜生
ฉะนั้นเราฝึกจิตของเราไว้ให้ดี ให้จิตมันตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดูไป
因此把心训练好,让心安住成为“知者、观者”
เราอาจจะได้มรรคผลนิพพาน ตอนที่เราตายเลยก็ได้
我们在临终时也许能够证悟道、果、涅槃
มีหลายคนที่ บรรลุพระอรหันต์ตอนกำลังจะตาย ตอนก่อนตายยังยุ่งอยู่กับโลกอยู่
有好几例就是生前还忙于世间琐事,临终证悟阿罗汉
ฆราวาสในสมัยพระพุทธเจ้าอยู่ มีฆราวาสหลายคน
บรรลุพระอรหันต์ ตอนกำลังจะตาย
佛陀在世时,好几位居士是临终体证阿罗汉的
ตอนที่ยังเป็นๆ อยู่ ยังแข็งแรงอยู่ ไม่บรรลุ
เพราะยังเพลิดเพลินอยู่กับโลก
身强力壮时没有证悟,因为还沉迷在世间
แต่พอตอนจะตาย สติปัญญาที่มันเคยฝึก
但在临终时,训练过的觉性、智慧
เคยทำวิปัสสนามาดีแล้ว มันช่วยตัวเองได้
曾经训练得很好的毗钵舍那就能帮上忙
มันเห็นร่างกายจะตาย จิตเป็นคนดู
看到身体要死了,心是“观者”
ในที่สุดจิตก็ปล่อยวาง ไม่ยึดถือ
最终心放下身体,不再执著
ตายก็ตายไปไม่ใช่เราตาย จิตใจก็ไม่ใช่ตัวเรา
“死就死,不是‘我’死,心不是‘我’
ร่างกายก็ไม่ใช่ตัวเรา เห็นแจ้งแทงตลอดอย่างนี้
จิตไม่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถืออะไรอีก
身也不是’我’”,如此彻见,心不再执取、牵挂
จิตก็เข้าถึงความพ้นทุกข์ เข้าถึงพระนิพพานไป
心于是离苦,契入涅槃
มีหลายท่าน สมัยพุทธกาล มีหลายท่านที่ทำอย่างนี้
佛陀时代有好几位是这样证悟的
พวกเราไม่ต้องไปรอทำตอนนั้น ท่านทำตอนนั้นได้
大家不用等到那时候,他们之所以能在临终证悟
เพราะตอนเป็นๆ อยู่ ตอนแข็งแรงอยู่ ก็ฝึกอย่างที่พวกเราฝึก
是因为他们在活着身体强健时,就像大家一样在训练了
ฝึกรู้สึกตัว รู้กายอย่างที่กายเป็น
训练觉知自己,如身本来面目地知道身
รู้ใจอย่างที่ใจเป็น รู้สึกไปเรื่อยๆ
如心本来面目地知道心,不断地觉知下去
พอเรารู้สึกได้ ต่อไปเราก็จะสบาย มีความสุข
一旦能够觉知了,接下来就舒服、轻松了
ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเรา เราก็มีความสุข
不论生命中发生什么,我们都有快乐
สิ่งที่เราได้มาจากธรรมะ ก็คือความสุขที่ยิ่งใหญ่
从法中获得的是无与伦比的快乐
ในโลกใครๆ ก็อยากได้ความสุข
世间人都希望得到快乐
แต่ความสุขในโลกไม่มีจริง มันเป็นของชั่วคราวไปหมดเลย
但世间并没有真正的快乐,全是稍纵即逝的事物
อย่างที่เราคิดว่า ถ้าเรารวยๆ แล้วจะมีความสุข
例如,我们自以为有钱后会快乐
พอรวยขึ้นจริง ก็ไม่เห็นจะมีความสุขสักเท่าไร
当真的有钱了,也没看到自己多快乐
มีเงินเยอะๆ บางทีกลุ้มใจนะ กลัวโจรจะปล้น กลัวธนาคารจะล้ม
有时钱太多反而郁闷——怕被人抢,担心银行倒闭
กลัวรัฐบาลจะยึดอย่างนี้ กังวลไปเยอะแยะ
害怕政府强行没收… … 太多担忧了
มีอันไหนก็มีภาระขึ้นมามีทรัพย์สมบัติเยอะ ก็รู้สึกมีภาระขึ้นมา
无论有什么都有负担,拥有众多资产也会觉得有负担
เพราะฉะนั้นการมีเงินเยอะๆ ไม่ได้ตอบโจทย์ ว่าทำอย่างไรจะไม่ทุกข์
即便富可敌国,也不能解决“如何才能不苦”的问题
มีสุขภาพดี บางคนว่าสุขภาพดี จะเป็นของดี ไม่ทุกข์
有人说“身强体健就好,可以不苦。”
สุขภาพดีก็อยู่ชั่วคราว บางคนบอกมีอายุยืนยืน แล้วจะไม่ทุกข์
但是身体健康是暂时的;有人说“长寿了就会不苦。”
อายุยืนมากๆ ร่างกายไม่แข็งแรงก็ทุกข์อีก
可是长寿但身体不健康,就又苦了
ในเมืองจีนยังมี ฮก ลก ซิ่ว ไหม
中国还有“福禄寿”三仙吗?
คนไทยยังนับถือเยอะ ฮก ลก ซิ่ว
泰国人依然还拜“福禄寿”三仙
มีอายุยืน มีอำนาจ มีเงินทอง
福如东海,寿比南山,财源滚滚
คนส่วนใหญ่ก็คิดอย่างนั้น มีอายุยืนก็คิดว่ามีความสุข
大部分人都认为“长寿就不苦了”
จริงๆ อายุยืนก็คือทุกข์นาน
事实上,越长寿等于苦越久
มีทรัพย์สมบัติมากก็มีเครื่องกังวลใจ
拥有资财多,也平添很多担惊受怕
มีอำนาจมากก็มีเรื่องกังวลใจอีก
拥有权势,又会有很多令人担心的事情
กลัวคนอื่นมาแย่งอำนาจเรา
害怕别人夺我们的权
จริงๆ ไม่ว่าจะมีอะไรก็ทุกข์ทั้งหมด
事实上,不论拥有什么都是苦
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ได้ เรามีเงินได้ไหม มีได้
如果我们明白这点,那可以拥有钱财吗?可以
มีสุขภาพแข็งแรงได้ไหม ก็มีได้
可以拥有健康吗?也可以
ไม่ใช่ว่านักปฏิบัติต้องยากจน ต้องสุขภาพไม่ดี
不是说修行人必须一贫如洗、体弱多病
มีอะไรที่ดีก็มีได้ แต่ไม่หลง
有什么好东西也可以拥有,但不会迷失其中
มีสิ่งที่ดีก็มีไปเถอะ มีโอกาสรวยก็รวยไปเถอะ
有好东西就去拥有吧!有机会发财就去发财吧
แต่ไม่หลงว่าความร่ำรวย จะอยู่กับเราตลอดกาล
但不要忘乎所以,以为“财富将伴随我们直到永远”
ทรัพย์สมบัติไม่ว่าจะมีมากเท่าไรถึงวันหนึ่งก็เป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเราหรอก
不论多么富有,到了某天都是别人的,不再是我们的
ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้ เราก็จะอยู่กับโลกอย่างมีความสุข
如果明白这些,就可以快乐地活在世间
มีเงินก็มีความสุข เสียเงินไปใจก็ยังมีความสุข
有钱,快乐;没有钱了,依然快乐
อย่างเราเกิดเสียเงินไป ยากจนลง ชีวิตเรายังอยู่
比如,投资失败,一贫如洗,我们依然活着
ลมหายใจเรายังอยู่ เรายังได้ปฏิบัติธรรมอยู่ แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว
还在呼吸,依然还能修行,仅仅如此就很美了
คนอื่นมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่มีธรรมะ
别人什么都有,什么都不缺,但没有法
เขาไม่ได้มีความสุข ที่อมตะ ที่แท้จริงเลย
他们根本不会拥有真正永恒的快乐
ฉะนั้นพวกเราฝึกตัวเองเรื่อยๆ แล้วเราจะอยู่กับโลกอย่างมีความสุข
因此,大家要不断地训练自己,就可以快乐地活在世间
และเวลาแก่ เราก็จะแก่อย่างมีความสุข เวลาเจ็บ เราก็จะเจ็บอย่างมีความสุข
老的时候可以快乐地老,病的时候可以快乐地病
เวลาตาย เราก็ตายอย่างมีความสุข ตายแล้วก็ยิ่งมีความสุขอีก
死的时候可以快乐地死,死后甚至更快乐
เราพยายามฝึกตัวเองเรื่อยๆ ไป สุดท้ายพอเราภาวนามากเข้าๆ ๆ
我们要努力地不断训练自己,随着修行越来越深入
จิตจะไปถึงความสุขอีกอย่างหนึ่ง คือความสุขของพระนิพพาน
心会抵达另一种快乐——涅槃的快乐
จิตใดที่ถึงพระนิพพานแล้ว มันเป็นจิตที่ไม่มีความอยากใดๆเกิดขึ้นอีกแล้ว
抵达涅槃的心,再不会生起任何欲望
จิตไม่มีการกระเพื่อมขึ้น กระเพื่อมลง ไม่มีความหวั่นไหว
心没有了动荡起伏,不再动摇
ไม่มีอะไรเข้ามาปรุงแต่งได้
没有任何什么可以进来粉饰、造作
มันเข้าถึงความสงบสุขที่แท้จริง
心抵达真正的宁静与快乐
อันนี้ ถ้าพวกเราภาวนาเรื่อยๆ ไป วันหนึ่งเราก็จะมาถึงตรงนี้
如果持续地修行,有一天就会来到这一点
ถ้ายังไม่ถึง เราก็มีความสุข จากการทำวิปัสสนาไป
即便还做不到,我们也会从修习毗钵舍那中获得快乐
เวลาร่างกายไม่สบาย ก็เห็นร่างกายมันป่วย ไม่ใช่เราป่วย
身体不舒服时,会看到身体生病,不是“我”生病
เวลาทรัพย์สมบัติมันหายไปเราก็เห็น สมบัติมันของโลก
钱财散尽时,看到钱财是世间的
มันหายไปวันนี้ หรือมันหายไปตอนเราตายแล้ว
无论今天散尽,还是在死后散尽
คือเราไม่ได้ครอบครอง เหมือน ๆ กัน
同样意味着我们不再拥有它们
มันไม่มีอะไรที่เราครอบครองไว้ได้ซักอย่างเดียว
没有任何事物是我们可以掌控的
เนี่ย ถ้าใจเราเข้าใจสิ่งเหล่านี้
如果我们的心可以明白这些
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเราจะไม่ทุกข์
那么不论生活发生什么都可以不苦
หรือทุกข์น้อยๆทุกข์สั้นๆ ทุกข์ไม่นาน
或者苦很少,苦很短,不会苦很久
อย่างพวกเราภาวนา เราเจริญสติ
เราจะเห็นด้วยตัวเองเลยว่า ความทุกข์ในใจเราสั้นลง
比如培养觉性,我们就会亲身体验到心苦缩短了
เคยทุกข์นานๆ ก็เหลือทุกข์สั้นๆ
曾经苦很久,现在苦得非常短
เคยทุกข์มากก็เหลือทุกข์น้อยทุกข์นิดๆ หน่อย
曾经苦很多,现在苦减少,剩下一点点
ค่อยๆ ฝึกไป ถึงจุดหนึ่งมันจะไม่ทุกข์เลย
慢慢去训练,到了某一点会完全不苦的
ค่อยๆ ฝึกนะ วันใดที่เข้าไปถึงตรงนี้
逐步地训练,某天达到那一点时
เราจะเข้าใจว่า ว่างจริงๆ มันว่างจากกิเลส ตัณหา
就会明白真正的空——空无烦恼杂染、空无贪爱
ว่างจากตัวตน ว่างจากความยึดถือ ใจนี้ไม่มีภาระ
空无自性、空无执取,心再无负担
ใจที่สิ้นภาระ มีความสุข อย่างใจของเรา มีภาระ
完全没有负担的心会快乐,而我们的心有负担
ยิ่งคนไม่ได้ฝึกกรรมฐาน จิตใจมีภาระมาก ก็มีความทุกข์มาก
越不修行的人,心越有负担,也越苦
ของเราฝึกกรรมฐาน อันโน้น เราก็คลายความยึดอันนี้ไม่ค่อยยึด
我们修行后,执著开始慢慢松开
พอยึดน้อยภาระก็น้อย ภาระน้อยทุกข์มันก็น้อย
执著越少负担越少,负担越少苦也越少
แต่วันใดภาวนาจนถึงจุดที่มันไม่ยึดถืออะไร
直到某一天,什么都不执著
มันก็ไม่มีภาระอะไร มันก็ไม่มีทุกข์อะไรเลย
就不再有任何负担,不再有任何苦
เนี่ยที่สุดของการปฏิบัตินั้น อยู่ที่เราไม่ทุกข์อีกต่อไปแล้ว
这就是修行的终点,从此再也不苦了
สิ่งเหล่านี้มีอยู่ อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ
这些是真实不虚的,问题在于我们做不做
ถ้าเราอดทน เรียนรู้ตัวเองเรื่อยๆ ไป
如果我们忍耐着不断地探究自己
ธรรมะไม่ต้องเรียนที่อื่น เรียนที่ตัวเอง
法不用去别处求,回来自我探究
อย่างพวกเราบางคนกังวลว่าไม่ได้เจอหลวงพ่อแล้ว จะไม่ได้ปฏิบัติ
比如有人担心见不到隆波就无法修行
ไม่จริงหรอก เพราะว่าจริงๆ ธรรมะอยู่ที่ตัวเราเอง
此言差矣。事实上,法就在自身
ถ้าหากเราเป็นนักปฏิบัติจริงๆ เราจะไม่รู้สึกว่าเราอยู่ไกลครูบาอาจารย์
若是真正的修行人,就不会觉得离高僧大德很远
แต่เราจะรู้สึกว่าครูบาอาจารย์ อยู่กับเราทั้งวันเลย
反而会觉得高僧大德整天和自己在一起
เหมือนหลวงพ่อเมื่อก่อน ภาวนากับหลวงปู่ดูลย์
就像隆波原先跟隆布敦长老学法的时候
หลวงปู่ดูลย์อยู่จังหวัดสุรินทร์ ไกลจากกรุงเทพฯหลายร้อยกิโลเมตร
长老身在苏林府,距曼谷几百公里
หลวงพ่อรับราชการ ไปหาท่านบ่อยๆ ไม่ได้หรอก
เงินเดือนก็ยังน้อยอยู่ ไม่มีเวลาด้วย
隆波在政府部门工作,月薪微薄且没有时间
ไม่ค่อยได้ไปหาท่าน แต่ไม่รู้สึกว่าอยู่ไกลท่าน
不太有机会亲近长老,但没有觉得相距遥远
รู้สึกว่าท่านอยู่กับเราทั้งวันเลย
而是感觉长老整天和自己在一起
เพราะเวลาเราภาวนา เวลาจิตเราคิดอะไรไม่ดี
因为在修行时,当自己的心想到什么不好的
เราจะรู้สึกเหมือนกับหลวงปู่กำลังมองอยู่
就会感觉好像长老正看着自己
เราไม่กล้าคิดชั่ว เราไม่กล้าพูดชั่ว เราไม่กล้าทำชั่ว
于是,不敢想坏的、说坏的、做坏的
คล้ายๆ เราอยู่กับครูบาอาจารย์ตลอดเวลาพวกเราก็เหมือนกันนะ
仿佛高僧大德和自己形影不离,大家也是一样。
ถ้าเราภาวนา มีสติรู้กาย รู้ใจอยู่เรื่อยๆ
如果修行,有觉性不断地觉知身、觉知心
เราจะรู้สึกว่าหลวงพ่อ อยู่กับพวกเราอยู่แล้ว หลวงพ่อไม่เคยหายไปไหนเลย
就会感觉隆波一直跟大家在一起,隆波从未消失
ค่อยๆ ฝึกไป
慢慢去用功吧!

คนที่ 1: อยากจะขอคำแนะนำจากหลวงพ่อครับ
学员1:请隆波指导修行
อยากจะให้แนะนำอะไร แนะนำไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
隆波:还想怎么指导呢?已经指导了半个小时啦
เห็นไหมร่างกายยิ้ม
看到了吗?身体正在笑
ข้างหลังร่างกายขยับอย่างนี้
后面的人身体这样在动……
เราคอยรู้สึกร่างกาย เราขยับๆ เราก็รู้สึก
我们要觉知身体,身体动来动去,要觉;
จิตใจเราขยับก็รู้สึก นั่นล่ะคือการปฏิบัติ
我们的心有动静,也去觉知,这就是修行
แต่ละคนนั่งข้างหลัง ขยับไปขยับมา
坐在后面的每个人动来动去的
ก็เห็นร่างกายมันเคลื่อนไหว
也要看到身体正在动
ถ้าร่างกายเคลื่อนไหว แล้วเราคอยรู้สึก ไปเรื่อย
如果身体移动,我们不断觉知
ต่อไปเราจะเห็นกายไม่ใช่ตัวเรา
接下来我们就会看到身体不是“我”
แล้วถ้าจิตใจเราขยับเขยื้อนไป มีสุขมีทุกข์ขึ้นมา เราเห็น
如果心有运动变化,有苦乐生起,我们看见
ต่อไปเราก็จะเห็น สุขทุกข์ ดี ชั่ว ทั้งหลายไม่ใช่ตัวเรา
接下来就会看到所有苦乐好坏都不是“我”……
อย่างตอนนี้จิตมันหนีไปคิดอย่างนี้ ก็รู้ว่ามันหนีไปคิด
像现在你的心溜去想了,要知道它去想了
รู้ทันมันไปเรื่อย เราไม่ห้ามมัน
不断及时地知道它,我们不制止它
จิตมันเคลื่อนไหว จิตมันเคลื่อนไหว เรารู้ว่าเคลื่อนไหว นั่นล่ะเรียกว่าปฏิบัติ
心动,知道“心动”,这就是所谓修行

คนที่ 2: ช่วงนี้ค่อนข้างฟุ้ง ใจไม่ค่อยมีแรง
学员2:最近比较散乱,心不太有力量
จิตไม่ตั้งมั่น แต่ฟุ้งไม่มาก
隆波:心没有安住,但散乱并不严重
ฟุ้งนิดหน่อย พยายามรู้สึกร่างกายไว้
有一点散乱而已,努力去觉知身体
เวลาจิตใจมันฟุ้งดูไม่รู้เรื่อง
心散乱时,什么也观不了的话
เราดูร่างกาย ร่างกายนั่งอยู่
你就去观身——身体正坐着
รู้สึกไหมร่างกายนั่งอยู่ ใจเป็นคนรู้สึก
感觉到吗?身体正在坐着,心是“知者”
ถ้าเราทำอย่างนี้สักพักเดียว
如果你这样练习一小会儿
จิตจะมีแรง หายฟุ้งซ่าน
心就有力量了,散乱会消失
มีสติรู้ร่างกาย ไม่ไปรู้อย่างอื่น
有觉性觉知身体,不去观别的
เรียกว่าเรารู้อยู่ในอารมณ์อันเดียว ก็ได้สมาธิขึ้นมา
觉知单一所缘就会获得禅定
เป็นวิธีที่เราจะได้สมาธิอย่างง่ายๆ
这属于轻易可获得禅定的方法
จิตมันอยู่ข้างนอก
(指导学员1)你的心在外面
ลองหายใจ เอาความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจ แล้วหายใจกลับเข้ามา
试着呼吸,把觉知放在气息上,然后吸气进来
หายใจเข้ามา จิตมันเริ่มเข้ามาแล้ว รู้สึกไหมมันไม่เหมือนเมื่อกี้แล้ว
现在心开始进来了。感觉到吗?和刚才不同了
จิตอย่างนี้ถึงเรียกว่าจิตมีสมาธิ
现在这样的心才可以称为有禅定的心
ไม่อย่างนั้นจิตจะไปอยู่ข้างนอก
否则心就会待在外面
อยู่ข้างนอกนะเราจะรู้สึกสบายๆ
心在外面,你会觉得舒服
แต่มันเดินปัญญาไม่ได้จริง จิตต้องตั้งมั่น
但是无法真正开发智慧,心一定要安住
เพราะฉะนั้นทุกวันๆ แบ่งเวลาไว้นิดหน่อย หายใจแล้วรู้สึก
因此,每天安排出一点时间,呼吸了觉知
หายใจแล้วรู้สึก สักพักหนึ่ง
呼吸了觉知,这样训练一会儿
ทุกวันแบ่งเวลาไว้ทำ จิตใจจะได้มีพลังขึ้นมา
每天都分出时间训练,心才有力量
ทุกวันก็ต้องทำ
(指导学员2)你每天也要这样做
หายใจไปแล้วรู้สึก หายใจแล้วรู้สึก
呼吸了觉知,呼吸了觉知
เห็นร่างกายมันหายใจอยู่ เราเป็นคนรู้สึกอยู่เรื่อยๆ
看到身体呼吸,心是观者,不断地练习
อันนี้เราส่งใจไปดูแล้ว
像你现在这样是“送心去观”了
เราส่งใจไปดูลมหายใจ
你送心去观呼吸
เราไม่ส่งใจไป เราแค่เห็นร่างกายหายใจ ใจเราเป็นคนรู้สึก
不要送心去观,仅仅看到身体呼吸,心是“观者”
มองเห็นไหมว่าจิตมันส่ายไปส่ายมา
你看得出来吗?心跑来跑去的
ถ้าเราเห็นจิตมันเคลื่อนไปเคลื่อนมา อยู่ข้างใน เรารู้ทันมัน
如果你感到心在里面跑来跑去,要及时知道
รู้เฉยๆ รู้ด้วยความเป็นกลาง เดี๋ยวมันก็จะสงบลงมา
就只是知道,保持中立地知道,很快它会安静下来
ที่เราส่ายไปส่ายมา เพราะจิตมันเที่ยวแสวงหา มัน
你的心之所以摇摇摆摆,是因为它在寻寻觅觅
เอ๊ะ จะดูอะไรดีนะ จะดูอะไรดีนะ
“究竟观什么好呢?观什么好呢?”
จิตมันก็จะส่ายๆ ๆ ไปเรื่อยๆ
于是心就不断地摇摆不定
ถ้าเรารู้ทันว่าจิตมันกำลังส่ายอยู่ จิตก็จะตั้งมั่นขึ้นมา
如果你能及时知道心正在摇摆,它就会安住起来
เห็นไหมว่าจิตมันแอบไปคิดเรื่อยๆ
看到了吗?心不断地溜去想
รู้ทันว่าจิตมันไปคิด
要及时地知道心跑去想了
เรารู้สึกร่างกายไป พอจิตหนีไปคิด รู้ว่าจิตหนีไปคิด
你要觉知身体,一旦心去想,知道心去想了
ฝึกอย่างนี้บ่อยๆ
就这样反复训练

คนที่ 3: ครั้งที่แล้วหลวงพ่อเคยแนะนำ ให้ไปฝึกอยู่ในรูปแบบ
学员3:上次尊者指导我每天做固定形式练习
เมื่อก่อนจิตเขาอยู่ข้างนอกครับ ก็ทำตามที่หลวงพ่อแนะนำ พยายามฝึกครับ
之前我的心散开在外,后来按照尊者的指导努力训练
ฝึกได้ดีนะ คราวนี้พอเรามีสมาธิขึ้นมา
隆波:训练得不错!现在你有了禅定
สติระลึกลงในร่างกาย เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
当觉性觉知到身体,要看到身体不是“我”
สติระลึกลงไปที่ไหน ก็จะเห็นว่าที่นั้นไม่มีตัวเรา
觉性无论觉知到哪里,要看到那里没有一个“我”
คอยรู้สึกอย่างนี้เรื่อยๆ มันจะเกิดปัญญา
这样不断地觉知,智慧就会生起
จิตใจเราฝึก จนกระทั่งมันมีสมาธิขึ้นมาแล้ว
你的心经过训练已经具备禅定
ต่อไปเราก็เดินปัญญา คอยดูกาย ดูใจมันทำงานไปเรื่อยๆ
接下来要开发智慧,不断观身、观心工作
จนกระทั่งเห็นว่ากายก็ไม่ใช่เรา ใจก็ไม่ใช่เรา
直至看到身不是“我”,心也不是“我”
ล้วนแต่เป็นของถูกรู้ถูกดู
它们全是被觉知、被观察的对象
ภาวนาได้ดีนะ 3 คนนี้ใช้ได้เลย
这三个人的训练非常不错

คนที่ 4 : รู้สึกว่าช่วง หนึ่งปีที่ผ่านมา ใจไม่ค่อยยอมเดินปัญญา
学员4:感觉自己这一年来心都不太愿意开发智慧
เหมือนน่าจะติดสมาธิ จะขอคำแนะนำจากหลวงพ่อครับ
很可能粘着在禅定里了,请隆波开示
เวลาใจไม่เดินปัญญา เราก็ต้องช่วยมัน
隆波:心没有开发智慧时,你要帮帮它
อย่างใจเราพอเป็นผู้รู้ผู้ดูแล้ว
比如你的心已经成为“知者”“观者”
มันเฉยๆ อยู่อย่างนี้ เราดูลงที่ร่างกายก่อนเลย
它总是无所事事,那你就先观身
เราจะเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของถูกรู้ถูกดู
于是会看到身体是被觉知、被观察的对象
ร่างกายนี้มีความทุกข์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
这个身体不断地有苦生起
นั่งอยู่ก็มีความทุกข์ เดินอยู่นานๆ ก็ทุกข์ นอนนานๆ ก็ทุกข์
坐着会苦,走久了苦,躺久了也苦……
การที่เราคอยรู้ความทุกข์ในร่างกาย มันเป็นการกระตุ้นให้จิตเดินปัญญา
不断地知道身苦,会激发心去开发智慧
ต่อไปมันจะเดินปัญญาได้เองโดยที่เราไม่ต้องเจตนา
接下来心就可以在没有刻意的情况下开发智慧
มันจะเห็นอยู่ในใจอย่างแจ่มแจ้ง ร่างกายนี้เป็นตัวทุกข์จริงๆ
然后心会彻见这个身体真的是苦
ทีแรกพอใจเรามีสมาธิแล้ว เจริญปัญญา
首先,心有了禅定,就要开发智慧
ถ้าจิตไม่เดินปัญญา ดูกายเลย
如果心没有开发智慧,就去观身
ดูให้เห็นว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
要照见到这个身体的无常、苦、无我
คิดพิจารณาลงไปเลย เป็นการกระตุ้นให้จิตเดินปัญญา
直接去思维分析,属于去刺激让心开发智慧
ถ้าจิตมีสมาธิ แล้วเฉยๆ ๆ ๆ ไป อย่างนี้ไม่ดี
如果心有了禅定后,一切都事不关己,那样不好
เสียเวลา เราก็มาดูกาย
浪费时间,你就要来观身
ทำไมจิตมีสมาธิแล้วไปเดินปัญญาด้วยการดูจิตไม่ได้
为什么心有了禅定无法通过观心来开发智慧呢?
เพราะว่าเวลาจิตมันมีสมาธิ จิตมันนิ่งๆ เฉยๆ
因为心有禅定时,静如止水,无动于衷
ไม่มีไตรลักษณ์ให้ดูหรอก มันเฉยๆ ไป
没有三法印可观,它太过于无动于衷了
เพราะฉะนั้นย้อนมาดูที่ร่างกายเลย
那就直接返回来观身
ถ้าจิตไปติดสมาธิอยู่ ดูร่างกายไว้
如果心粘着在禅定,那就观身
ร่างกายอย่างไรก็ไม่เฉย
身体无论如何都不会“无动于衷”的
กายนี้อย่างไรก็ต้องทุกข์
这个身体无论怎么都会苦
พอเราเห็นทุกข์เห็นความไม่เที่ยงในร่างกาย
一旦我们看到身的苦、无常
เห็นความเป็นทุกข์ในร่างกาย เดี๋ยวจิตมันจะค่อยๆ เดินปัญญาได้
看到身苦,心很快就慢慢可以开发智慧了
พอดูกายไปช่วงหนึ่ง จิตมันมีแรง
观身观了一阵子,心有了力量
ก็จะเห็นจิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาเหมือนกัน
就能够看到心的变化,同样呈现无常、苦、无我
อันนี้เป็นหลักของการปฏิบัติเลย เป็นวิธีของการปฏิบัติที่มาตรฐานเลย
这是修行的基本原则,属于教科书式标准原则
คือถ้าจิตเราติดสมาธินิ่งๆ ว่างๆ อยู่นานๆ
如果心粘着于禅定——长时间空与一动不动
ย้อนออกมาดูร่างกายแล้วคิดพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายไม่เที่ยง
就回来观身,通过审视而看到身体的无常
เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราเป็นแค่วัตถุ
苦、不是我,仅仅属于物质现象
มีธาตุไหลเข้า มีธาตุไหลออกทั้งวัน ไม่ใช่ตัวเรา
整天有元素进出,不是“我”
ค่อยๆ สอนจิตไป ต่อไปพอจิตมันฉลาด
逐步地教导心,接下来心一旦聪明起来
มันจะดูร่างกายเป็นไตรลักษณ์ โดยที่เราไม่ได้เจตนา
就会在没有刻意的情况下看到身体的三法印
ตรงที่มันเห็นโดยที่ไม่ได้เจตนา
在毫无刻意的情况下而看见的
นี่คือการทำวิปัสสนาแล้ว
这已经步入了毗钵舍那的修行
หลวงพ่อดีใจนะเห็นพวกเรา ไม่เห็นเป็นปีแล้ว
隆波看到大家后觉得很欣慰,已经有年头没见面了
ที่ดีใจไม่ใช่ว่าเห็นพวกเราเฉยๆ
之所以欣慰不是说仅仅因为见到了大家
แต่เห็นว่าพวกเรายังปฏิบัติอยู่
而是看到大家依然在坚持修行
แต่ละคนดูแล้วโอเค ใช้ได้เลย
每个人看起来都OK、非常不错
ผู้ชายที่นั่งหลังคนนั้น มีการเพ่งอยู่นิดหน่อย
坐在学员4后面的男生,还有一点紧盯
เรายังไปเพ่งอยู่ พอเราเพ่งจิตมันก็จะนิ่งๆ อยู่
你还在紧盯。如果紧盯,心就会一动不动
เพราฉะนั้นเราจะต้องปล่อยให้จิตมันทำงาน
因此你要放开让心工作
ให้เป็นธรรมชาติอย่าเพ่งนานเกินไป
让它自然,不要紧盯太久
เพ่งนิดๆ หน่อยๆ พอจิตไม่ฟุ้งซ่านแล้ว
可以带一点点紧盯,一旦不散乱了
ก็ปล่อยให้มันทำงานให้จิตทำงานไป
就放开让心去工作
ถ้าเราเพ่งอยู่ เพ่งอย่างนี้จะเฉยๆ อยู่อย่างนี้ มันจะไม่เดินปัญญาต่อ
如果你这样紧盯着,如如不动,无法进一步开发智慧
ปล่อยให้จิตมันเคลื่อนไหวให้เป็นธรรมดา
放开心让其变化,让它回归正常
เดี๋ยวมันก็สุข เดี๋ยวมันก็ทุกข์ เดี๋ยวมันก็ดี เดี๋ยวมันก็ชั่ว
一会儿乐,一会儿苦,一会儿好,一会儿坏
มีสติรู้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเดินต่อไปได้
有觉性不断地这样去觉知,就可以继续前行

Loading