心安住是工具,心宁静是力量

2020年12月26日

หลวงพ่อไม่ชินกับการเทศน์ให้กล้องฟัง
隆波不习惯对着摄像头讲法
ยังไม่รู้จะเทศน์อะไร ไม่มีชีวิตจิตใจ
面对没有生命的事物,还不知道要讲什么
วัดเราปรับตัวได้เร็ว
我们寺庙很快做出了相应调整
ปกติวันไลฟ์สดจะมีคนมาที่วัด 300-400 คน เป็นตัวเลขที่เยอะเกินไป
通常直播日来寺庙听法有三四百人,人数太多了
ตอนนี้กิจกรรมอะไรที่คนเยอะๆ ก็ต้องหยุด
现在所有人多的活动都必须停下来
นี่เราหยุดก่อน
而我们这里提前停止了
ประเมินสถานการณ์แล้วยังไงก็ต้องหยุด
因为评估了疫情态势,怎么都得缓一缓
ไม่ต้องรอให้ราชการมาสั่ง ประเมินได้
不用等到政府下令,能够自我评估的
คนอยู่ในศาลาประมาณ 200 ข้างนอกอีกประมาณ 100
在禅堂里大概200人,禅堂外还有约100人
วันที่ไลฟ์ก็เลยต้องปิด
直播日寺庙就必须关闭,不对外开放
แต่ตอนนี้การถ่ายทอดธรรมะสะดวกสบาย
不过,现今弘法非常便利
ไม่เหมือนยุคที่หลวงพ่อไปเรียนกับครูบาอาจารย์ ยุคนั้นลำบากอยู่
不像隆波求法的时代,那时还是很困难的
ยุคที่ครูบาอาจารย์ไปเรียนจากครูบาอาจารย์รุ่นก่อน
以前的高僧大德跟上一代导师求法的时代
ยิ่งลำบากใหญ่ เดินป่ากัน
更是难上加难,要在森林里行脚
ยุคหลวงพ่อไม่ต้องเดินป่า
隆波求法时,不必在森林里行脚
นั่งรถไฟ นั่งรถทัวร์ไปกัน
坐火车,乘汽车去的
บางทีก็เดินจากหมู่บ้านเข้าไปในวัด
但有时也要走路,从村里要再走着去寺庙
ยุคนี้สะดวก เปิดอินเตอร์เน็ตก็เจอแล้ว
现今太方便了,打开网络就能找到了
อะไรที่สะดวกไปง่ายไป บางทีเราก็ไม่เห็นคุณค่า
轻易就到手的东西,人们往往看不到其价值
ตอนหลวงพ่อไปเรียนกับครูบาอาจารย์
กว่าจะไปได้ไม่ใช่ง่าย
隆波在求法的时候,去一趟都不容易
ต้องวางแผนตั้งแต่ลางานไป
必须做规划,首先得请假
ไปถึงแล้วครูบาอาจารย์จะอยู่หรือเปล่าก็ไม่แน่อีก
即便到了寺庙,高僧大德在不在,也不确定
บางทีท่านไปที่อื่นเราก็ไม่รู้
有时候高僧大德去了外地,自己也不知道
ฉะนั้นเวลามีโอกาสได้เรียนธรรมะกับท่าน มีความตั้งอกตั้งใจ
因此,有机会跟高僧大德学法时会非常用心
ยุคโน้นเอาเทปไปอัดก็ไม่ได้ ถูกท่านดุเอา
那个时代带磁带去录音也不行,会被训斥
เวลาเราฟังธรรมะท่านให้เราภาวนาของเราไป
在听法时,高僧大德让弟子自己修行
ใจเราสงบ ใจเราเหมาะกับธรรมะอะไร
弟子的心宁静下来,适合接纳什么法
ท่านก็จะถ่ายทอดธรรมะอันนั้นให้เรา
他就传授那样的法给弟子
ตอนนี้พวกเราส่วนใหญ่ฟังธรรมะอยู่ที่บ้าน
现在大部分人在家里听法
อย่านอนฟังถ้าเราไม่ได้เจ็บป่วย
如果没有生病,就别躺着听法
ถือว่าอยู่บ้านนอนบนเตียงฟังหลวงพ่อเทศน์
在家里躺在床上听隆波讲法
ไม่ใช่เรื่องไม่เคารพหลวงพ่อ แต่มันไม่เคารพพระธรรม
并非不恭敬隆波,而是不恭敬法
จิตใจมันอ่อนแอ นอนเล่นๆ
心软弱,自由散漫地躺着……
ธรรมะไม่ใช่ของเล่นๆ
法可不是什么消遣或娱乐品
ฉะนั้นใครนอนอยู่ก็ลุกขึ้นมา
因此,谁正躺着,就要立马起身
ตั้งอกตั้งใจสำรวมจิต
要用心、集中注意力
แล้วธรรมะจะเข้าไปสู่จิตของเรา
然后,法才会进入我们的心
ถ้าใจของเราเห็นธรรมะเป็นของเล่น
ธรรมะเป็นของจริง
法是“真品”,但如果我们视法为玩物
เราทำเล่นๆ ของจริงมันก็ไม่เข้าไปสู่ใจเรา
对之不恭,“真品”就不会进到我们的心
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่ว่านานๆ ดูกาย ดูใจทีหนึ่ง
修行并不是很长时间才观一次身或心
หรือนานๆ พุทโธทีหนึ่ง ไม่ได้กินหรอก
或久久才念一次“佛陀”,那不可能有成效的
กิเลสเอาไปกินหมด
(反而)被烦恼杂染啃了个精光
ถ้าอยากภาวนาให้ดี อยากพ้นทุกข์ให้ได้
如果想修行很好,想离得了苦
ก็ต้องมีใจที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง
就一定要自立、自强
อย่างนอนฟังนี่ใช้ไม่ได้ ไม่เข้มแข็งยกเว้นป่วยหนัก
比如躺着听法是不行的,太过脆弱,除非病重
อย่างพระนั่งอยู่
比如,出家人坐着时
ไปแสดงธรรมให้คนที่ไม่ได้ป่วยที่นอนอยู่ แสดงไม่ได้
是不可以对没有生病却躺着的人讲法的
ถือว่าไม่เคารพพระธรรม
否则被认为是不恭敬法
พระยืนอยู่ไปแสดงธรรมให้คนที่นั่งอยู่ ก็ทำไม่ได้
出家人站着时,也不能对坐着的人讲法
ถือว่าคนที่นั่งฟังไม่เคารพในธรรมะ
坐着听法的人被视为不恭敬法
ถ้าใจเราเคารพในธรรมะ อ่อนน้อมกับธรรมะ
如果我们的心恭敬法,臣服于法
ตั้งอกตั้งใจสำรวมระวัง ธรรมะก็จะมาสู่ใจเราได้ง่าย
认真和用心,那么法就容易流进我们的心
หลวงพ่อไปหาครูบาอาจารย์ ตั้งใจฟัง ฟังด้วยความอ่อนน้อมอ่อนโยน
隆波向高僧大德求法时用心聆听,心怀恭敬
ตั้งใจไว้เลยเราภาวนาถ้าทำผิด
暗下决心:若自己修错了
ตั้งความปรารถนาให้ท่านดุด่าว่ากล่าวตักเตือน
就祈请高僧大德批评、指正、棒喝
ถ้าเราทำถูก ตั้งความปรารถนาว่า ท่านจะสอนธรรมะยิ่งๆ ขึ้นไปให้เรา
若是修对了,就请高僧大德为自己传授更高阶的法
เพราะเรายังมีกิเลส เราต้องการธรรมะ
因为自己尚有烦恼杂染,想要求法
แรกๆ ธรรมะก็เป็นเรื่องทำทาน รักษาศีลอะไรพวกนี้
最基础的法是布施、持戒之类的
เรื่องศีลเป็นเรื่องสำคัญ
其中戒律非常重要
ศีลไม่ดีภาวนาไม่ได้ ถัดจากนั้นก็เรื่องของสมาธิ
如果戒不好,那是无法修行的;接下来是禅定
ไม่มีสมาธิที่ถูกต้องเจริญปัญญาไม่ได้
如果没有正确的禅定,就无法开发智慧
ฉะนั้นศีลต้องรักษา
因此,戒律必须要持守
สมาธิที่ถูกต้องต้องฝึก
正确的禅定必须要训练
แล้วก็เรียนรู้วิธีที่จะเจริญปัญญา
而后要学习开发智慧的方法
การเจริญปัญญา คือการพาจิตให้มาเรียนรู้
开发智慧指的是,带领心来探究名色的实相,
ความจริงของรูปนามกายใจไม่ใช่เรื่องอื่น
探究身心的实相,而不是其它内容
ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเราเคยเห็นพระพุทธรูปส่วนใหญ่
戒、定、慧…… 如果看过佛像就会发现
ท่านจะนั่งอยู่บนฐาน 3 ชั้น
大部分佛像端坐在三层基座上
ส่วนใหญ่จะทำเป็นฐาน 3 ชั้น ก็คือศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง
三层基座其实就是象征戒、定、慧
ตัวพระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์ของวิมุตติ ความหลุดพ้น
而佛像象征着自由和解脱
พื้นฐานต่ำสุดศีลต้องรักษา
最下面的基座是戒,必须持守
แต่พอทำสมาธิเป็นแล้วไม่รักษาศีล
假如会修习禅定了却不持戒
เหมือนเราไปสร้างฐานชั้นที่สอง
就像是第一阶基座已塌
แต่ฐานชั้นที่หนึ่งพังไปแล้ว ชั้นที่สองก็พังแน่
却还在建第二阶基座,肯定也会塌的
ฉะนั้นตั้งอกตั้งใจว่าเราจะรักษาศีลให้ดี
因此,我们应该好好地用心持戒
ยุคนี้ศีลธรรมเสื่อมมาก
现今的道德与戒律退化得非常严重
ศีลข้อที่หลวงพ่อเห็นว่าบกพร่องที่สุด ตอนนี้ทั้งบ้านทั้งเมืองเลย คือศีลข้อ 4
在隆波眼里,举国上下如今最缺失的是第四条戒——
พูดเท็จ พูดโกหกหลอกลวงกัน fake news (ข่าวปลอม)
传播虚假、欺诈消息
เพิ่งเห็นข่าวกระทรวงไอทีเขาบอกช่วงที่ผ่านมา
刚刚看到泰国信息产业部的统计显示
มี fake news ตั้ง 28 ล้านกว่าครั้ง โกหก
前段时间的虚假消息累计共二千八百万多条
เราเห็นเรื่องโกหกเป็นเรื่องไม่สำคัญ
大家认为“说点谎”没什么大不了
อย่างคนมาสมัคร ส.ส.บอกพี่น้องประชาชนที่รัก
比如,竞选各级代表宣誓:亲爱的父老乡亲
ผมจะอย่างโน้นผมจะอย่างนี้
我会那样、我要这样……
มันก็หลอกกันมาตั้ง 80 กว่าปีแล้วก็ยังหลอกกันอยู่
这样骗来骗去超过八十年了,也还在继续上演
เราเห็นเรื่องโกหกเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
大家已经觉得撒谎再正常不过了
พูดส่อเสียด พูดให้ขัดแย้งกัน
นี่คืออยู่ในกลุ่มของมุสาวาท
两舌——说挑拨离间的话,也被归为妄语
พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ
还有恶口、绮语……
เดี๋ยวนี้คำหยาบกลายเป็นที่นิยม
现在恶口和粗话已经变成时尚
อย่างนักเรียนผู้หญิงพูดกูพูดมึงเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
学校的女生开口闭口就是“我靠、他妈的”
ด่ากันรุนแรง ด่ากันเสียหายมากมาย
爆粗口、说脏话,不堪入耳

อ้างถึงสัตว์เดรัจฉานชนิดต่างๆ ทำให้สัตว์เดรัจฉานเสียหาย
动不动就骂人是各种动物,令它们名誉受损
ดีว่ามันพูดไม่เป็น มันประท้วงไม่เป็น
好在它们不会说话,无法抗议示威
อยู่ๆ ไปด่ามันไอ้เหี้ยอะไรแบบนี้
又或无缘无故骂人是“臭蜥蜴”(泰语指倒霉鬼)
มันเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งน่ารัก น่าสงสาร
其实它是一种可爱又可怜的动物
ไม่ได้ร้ายกาจอะไร
一点都不凶残和恶毒
ตอนนี้เราพูดคำหยาบกันทั้งบ้านทั้งเมือง
现在举国人民都说粗话、爆恶口
ยิ่งทางอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยคำหยาบ
在网络上表现得尤其严重
คำพูดที่หยาบๆ ทำให้ใจของเรากระด้าง
“恶口”导致心越来越钝化
คำพูดสุภาพเรียบร้อยค่อยๆ ฝึก
温和而良善的言语则需要逐渐训练
ไม่ใช่สุภาพแล้วโกหก
但也不要言辞考究却是谎言
ไม่ใช่สุภาพแล้วส่อเสียด
语句优美却是两舌……
ขั้นแรกเลยต้องไม่โกหก ต้องไม่ส่อเสียด
首先,必须不撒谎、不挑拨离间
แล้วพูดจาให้สุภาพหน่อย
其次,话语要文明、优雅
พูดคำหยาบจนเคยชิน ใจมันก็กระด้าง
如果爆粗口变成习惯,心将钝化和坚硬
ภาวนาลำบาก ใจมันหยาบ
这样很难修行,因为心太粗糙了
เดี๋ยวนี้พูดนะจ๊ะยังว่ากันเลยหาว่าไม่ดี
如今,轻言细语和文明礼貌被界定为不好
ส่วนคำด่ากันเป็นคำดี
爆粗口反而被认为很酷……
เรียกว่าไม่รู้ผิดชอบชั่วดีกันแล้ว
可谓“不分是非对错”
พูดเพ้อเจ้อ หมายถึงว่าไม่จำเป็นจะพูดก็พูด
绮语是指不需要说的,也说
ไม่จำเป็นจะเขียนก็เขียน
没必要写的,也写……
อย่างพวกเราไม่ต้องคนอื่นหรอกพวกเราที่เรียนกับหลวงพ่อ
不用说别人,比如跟随隆波学法的某些人
บางคนตั้งใจจะรักษาศีลให้ดี
本来是发愿好好持戒
แต่นั่งเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งวันเลย เขียนโน่นเขียนนี่ทั้งวันเลย
却一整天在网上写个不停……
อันนั้นล่ะเพ้อเจ้อศีลด่างพร้อมแล้ว
这属于绮语,戒已经缺失了
จิตใจธรรมดามันก็ฟุ้งอยู่แล้ว
大家的心在平时已经够散乱了
ไปทำให้มันฟุ้งมากกว่าเก่าอีก จะเอาดีได้อย่างไร
还要让心更加乱上加乱,修行又怎会有收效呢?
ฉะนั้นตั้งอกตั้งใจรักษาศีลโดยเฉพาะข้อ 4
因此,必须用心持戒,尤其第四条戒
นี่สำคัญมากเลย เราเห็นว่าสำคัญน้อย
这是至关重要的,我们却以为不重要
เราทำผิดกันจนเป็นนิสัยเคยชิน
因为犯错到已经习以为常了
เมื่อก่อนฝรั่งมันดูถูกเรา เรียก Siamese talk
以前西方人看不起我们,称为“暹罗说”
พูดแบบสยาม เชื่อไม่ได้
是指“暹罗式的说话,不可信”
ก็เหมือนกันล่ะ ตอนนี้ประเทศไหนก็เหมือนกัน
现在哪个国家都一样
เลียนแบบกัน พูดเชื่อไม่ค่อยได้
相互模仿,话语的可信度极低
แก้ที่คนอื่นไม่ได้ เราอย่าทำ
改变不了他人,可我们自己别犯
มุสาวาทไม่ใช่เรื่องเล็ก
妄语不是小事!
พระพุทธเจ้าถึงขนาดบอกว่า ท่านพิจารณาดูแล้ว
佛陀甚至说,他审察过后发现
คนที่พูดเท็จได้ ที่จะไม่ทำกรรมชั่วอย่างอื่นไม่มีหรอก
从没有只说谎而不造其它恶的人
เริ่มต้นก็คือมุสาวาทก่อน แล้วค่อยไปทำกรรมชั่วอื่นๆ ได้
人们总是从说谎开始,而后才做其它坏事
เพราะไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว
因为已经不明是非对错
คราวนี้ทำชั่วอย่างอื่นก็ทำได้
其它坏事也能做得下去
ฉะนั้นท่านย้ำนะตัวนี้พวกเรา
因此,佛陀在这一点反复提醒我们
สังคมของเรายุคนี้เป็นสังคมมุสาวาทแล้ว
可是现今社会已经沦为妄语的社会
พูดความจริง พูดเพื่อความสามัคคี
大家要讲事实、倡导团结
ไม่ได้พูดส่อเสียดให้เขาแตกกัน
而不说挑破离间、导致人分道扬镳的话……
พูดความจริง พูดให้สามัคคีกัน
我们应该陈述事实、促进人与人的团结和睦
พูดกันอย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช้อารมณ์หยาบคายใส่กัน
讲话必须有凭有据、不带情绪、不恶语相向
พูดตามความจำเป็น ฝึกตัวเราเอง
有必要说时才说,大家要这样训练自己
ถ้าเราทำ 4 ข้อนี้ได้ ใจเราจะสงบมากขึ้นเยอะเลย
如果做到以上四条,心会比现在平静得多
อย่างคนโกหกจิตใจไม่สงบหรอก มันต้องคิดมาก
说谎者的心是不平静的,必须左思右想
พูดแบบนี้แล้วจะไปเจออีกคนหนึ่งพูดไปอีกอย่างหนึ่ง
比如,对甲说的是一套,对乙说的是另一套
ถ้า 2 คนนี้มาเจอกันจะพูดอย่างไร
如果甲乙都在,那怎么说呢?
หาทางออกที่ 3 ต้องคิดหนัก
要找第三套说辞,脑袋根本停不下来
พูดความจริงไม่ต้องคิดมาก
如果说事实,就不用想太多
แต่พูดความจริงก็ไม่ใช่พูดไม่มีกาลเทศะ
当然,“说事实”并不意味着不顾场合……
พูดความจริง พูดสุภาพเรียบร้อย พูดประกอบด้วยเมตตา
陈述事实,同时话语文明有礼、心怀慈悲
แต่สุดท้ายก็ต้องพูดอย่างถูกกาลเทศะ
并且要注意时机与场合
ไม่ใช่พูดความจริงก็พูดไปเรื่อยๆ
而不是只管讲事实,却滔滔不绝……
อย่างนั้นเป็นมิจฉาวาจาก็ใช้ไม่ได้ มีเรื่องผิดศีล
那也属于不恰当的邪语,也属于破戒
แต่เรื่องสูงขึ้นไป ละเอียดขึ้นไปมีเรื่องมิจฉาวาจาอีก
更高、更微妙的层次,还包括邪语
ไม่ใช่แค่ผิดศีลมุสาวาทหรอก
而不限于不破妄语这条戒而已
ถ้าใจของเราไม่วุ่นวายกับเรื่องโกหก หลอกลวง ยั่วยุ
当心未受到妄语、欺诈、挑拨的蛊惑
ใจเราก็สงบทำสมาธิง่าย
心自会宁静,修习禅定变得轻而易举
สมาธิจำเป็นสำหรับการปฏิบัติ จำเป็นทั้ง 2 ชนิด
对于修行来说,不可或缺的禅定有两类
สมาธิชนิดสงบก็จำเป็น
宁静型的禅定是必需的
สมาธิชนิดจิตตั้งมั่นก็จำเป็น
安住型的禅定也是必需的
สมาธิชนิดจิตตั้งมั่นจะฝึกยากนิดหนึ่ง
安住型禅定训练起来略难一点
คนในโลกไม่ค่อยรู้จักหรอก
(而且)世人也不太了解
แต่มีมาก่อนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
不过,在佛陀悟道之前它就已经存在了
คือพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ
即,身为悉达多太子时的菩萨
ท่านฝึกจิตตั้งมั่นได้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ
从小就能够训练心安住了
ตอนโตขึ้นมาภาวนาแล้วออกบวชแล้ว ช่วงสุดท้ายจิตท่านก็ตั้งมั่นขึ้นมา
长大后出家修行,最终他的心也安住了起来
ท่านถึงเจริญปัญญาได้
接着他才能开发智慧
จิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่มีสมาธิ เจริญปัญญาไม่ได้
心若未安住、没有禅定,就无法开发智慧
ในตอนที่เราเจริญปัญญา เจริญไปเรื่อยๆ
不断开发智慧的过程
มันเหมือนจิตใช้พลังงานไป จิตจะเริ่มฟุ้งซ่าน
类似损耗能量的过程,心就会开始散乱
จิตฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร?
心散乱是什么样的?
ดูจิตก็ไม่ได้ ดูกายก็ไม่ได้
无法观心,也无法观身
คือไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้แล้ว
即无法修习毗钵舍那了
ก็เหมาเรียกว่าจิตฟุ้งซ่าน
这些统称为“心散乱”
มันเจริญวิปัสสนาไม่ได้แล้ว
已无法修毗钵舍那了
จิตไม่มีเรี่ยวมีแรงไหลๆ ไปเคลิ้มๆ ไป
心没有了力量,就会迷迷糊糊、昏昏沉沉的
อันนี้เราต้องทำสมาธิชนิดจิตสงบ
这时一定要来修宁静型的禅定
จิตฟุ้งซ่าน คือจิตที่วิ่งจับอารมณ์โน้นทีหนึ่ง
心散乱,即心跑去抓一下那个所缘
วิ่งไปจับอารมณ์นี้ทีหนึ่ง เปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆ วุ่นวาย
跑去抓一下这个所缘,不断地变换所缘
จิตมันไหลไปตามอารมณ์
心追着境界跑,总之一团糟!
เดี๋ยวฟุ้งซ่านไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
时而散乱到眼、耳、鼻、舌、身或意根
ทางใจก็ฟุ้งหลงไปในโลกของความคิด
散乱到意根,即迷失在念头的世界
จิตมันฟุ้งซ่านมันจะหมดแรง
心散乱就会没有力量
เราก็ต้องชาร์จพลังของมัน
我们就一定要通过训练——
ด้วยการฝึกให้มันไม่ฟุ้งซ่าน
以让它不散乱的方式给它“充电”
จิตฟุ้งซ่าน คือจิตที่จับอารมณ์โน้นทีหนึ่ง จับอารมณ์นี้ทีหนึ่ง
心散乱,即心时而抓这个所缘,时而抓那个所缘
เปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆ จับอะไรยังไม่ทันจะชัดเจน
不停地变换所缘,抓到手还来不及看清楚
ก็ทิ้งไปจับอันใหม่แล้ว
就将其抛在脑后转向新目标了
วิ่งไล่ตะครุบอารมณ์ไปเรื่อยๆ
无休止地追逐、捕捉所缘
ถ้าเราจะฝึกจิตให้ไม่ฟุ้งซ่าน
如果我们想要训练让心不散乱
เราก็หาอารมณ์ที่ดีสักอย่างหนึ่ง มาเป็นเหยื่อล่อจิต
那就选择某一好的所缘来充当心的诱饵
แทนที่จิตจะต้องวิ่งไปหาอารมณ์สารพัดอารมณ์
以替换掉心所追逐的五花八门的所缘
เราเลือกหาอารมณ์ที่จิตอยู่ด้วย แล้วมีความสุขมาให้จิต
我们为心选择一个让心有快乐的所缘
ถ้าเราทำอานาปานสติ
假如,修安般念——
หายใจเข้า หายใจออกแล้วมีความสุข เราก็ทำอานาปานสติไป
吸气、呼气了有快乐,那我们就选安般念
เราพุทโธแล้วมีความสุข
如果念“佛陀”了有快乐
เราก็ทำพุทโธไป ท่องพุทโธๆ ไป
那我们就念“佛陀”,不断地念下去;
เราเคลื่อนไหวร่างกาย หรือเดินจงกรมแล้วมีความสุข
活动身体或者经行了有快乐,
เราก็เคลื่อนไหว เราก็เดิน
那我们就去活动身体、走路经行……
เราเลือกหาอารมณ์สักอย่างหนึ่ง
我们为心选择某一所缘——
ที่จิตอยู่แล้วมีความสุข
มาเป็นเหยื่อล่อจิต
心所喜欢的所缘来充当心的诱饵
เหมือนอย่างบางคนจะจับปลาก็ต้องเลือกเหยื่อ
就像人们在钓鱼时,必须选择鱼饵
อยากจับปลาชนิดนี้ก็ต้องใช้เหยื่ออย่างนี้
想钓这种鱼就必须用这类鱼饵
อยากจับปลาอย่างนี้ก็ใช้เหยื่ออย่างนี้
想钓那样的鱼就得用那样的鱼饵
เราจะจับปลา คือจิตของเรา
我们要抓鱼,即我们的心
เราก็ต้องใช้เหยื่อที่จิตมันชอบ
我们就必须用心所喜欢的诱饵
ไปเอาเหยื่อที่จิตไม่ชอบมา จิตก็ไม่กินเหยื่อ
(如果)用心不喜欢的诱饵,心是不吃的
จิตก็หนีไปที่อื่นไปหาเหยื่ออันอื่นก็ฟุ้งซ่าน
就会跑去找别的诱饵而陷入散乱
ฉะนั้นเคล็ดลับของการทำสมาธิชนิดสงบก็คือ
因此,修习宁静型禅定的秘诀在于:
รู้จักเลือกอารมณ์กรรมฐานที่จิตไปอยู่ด้วยแล้วมีความสุข
懂得选择跟心共处时,令心快乐的禅修所缘
ใครถนัดพุทโธแล้วมีความสุข เราก็พุทโธไป
谁擅长念诵佛陀后有快乐,那就去念佛陀
ใครนะ มะ พะ ทะ แล้วมีความสุขก็นะ มะ พะ ทะไป
谁念NAMAPATA后有快乐,就去念NAMAPATA……
ไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรเลวมากกว่ากัน
不存在哪个更好,哪个更坏
เพราะจิตใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน
因为每个人的心是不同的
คนไหนถนัดอะไร ชอบอันไหนก็ใช้กรรมฐานอันนั้น
谁擅长哪个、喜欢哪个,那就用它做业处
แต่กรรมฐานนั้นต้องไม่ผิดศีล
但是,该业处肯定不能破戒
ด่าๆ คนแล้วมีความสุข
เล่นเฟซบุ๊กทั้งวันแล้วมีความสุข
骂人了有快乐,一整天玩facebook后有快乐
บอกทำกรรมฐาน ทำไม่ได้ อกุศลมันเกิดหมด
却号称在修行,行不通的,生起的都是不善法
ฉะนั้นต้องเป็นอารมณ์กรรมฐานที่ไม่ทำให้อกุศลเจริญขึ้น
因此,必须是不会让不善法增长的禅修所缘
อย่างอยู่กับพุทโธ พุทโธๆๆๆ ไป
比如,与佛陀在一起,一直念佛陀
เป็นอารมณ์ที่ไม่สกปรก
就是没有染污的所缘
หรือบางคนก็พิจารณาศีลที่เรารักษามาดี
或者有人忆念自己持得很好的戒
อย่างถ้าเรารักษาศีลดีๆ
如果我们的戒持得很好
บางคนตั้งใจเข้าพรรษาจะรักษาศีล 5 ศีล
有人下决心结夏安居期间要持五戒
5 ข้อเท่านั้นตลอดพรรษาไม่ให้ผิดศีล 5
在整个夏安居仅仅不破五条戒而已
ทำไมตั้งอย่างนั้นก็ไม่รู้
为什么要这样制定也不知道
คล้ายๆ ออกพรรษาแล้วผิดศีล 5 ได้
好像夏安居结束后就可以破五戒了
บางคนก็ตั้งเข้าพรรษาจะไม่ผิดศีล 5 ไม่กินเหล้า
有人发誓:夏安居期间不破五戒、不喝酒
พอออกพรรษานึกได้ ตลอดพรรษาเราไม่ได้กินเหล้าเลย
一旦夏安居结束,想到夏安居期间自己没有喝酒
จิตใจมันจะอิ่มเอิบขึ้นมา
就会感觉心满意足
แล้วคิดถึงศีลที่เรารักษาไว้ได้ดีแล้ว จิตใจจะอิ่มเอิบชุ่มชื่นขึ้นมา
想到自己的戒持得很好,心就会满足和愉悦
สมาธิมันเกิดขึ้น สมาธิชนิดสงบเพราะจิตมีความสุข
宁静型的禅定生起,因为心有快乐
จิตก็สงบอยู่ในอารมณ์อันเดียวที่มีความสุข
心宁静于单一、有快乐的所缘
บางคนพิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนังแล้วมีความสุข
有人审思毛、发、指甲、牙齿、皮肤后有快乐
ก็พิจารณาผม ขน เล็บ ฟัน หนังไป
就去审思毛、发、指甲、牙齿、皮肤
ในที่สุดจิตก็รวมเข้ามาสงบ
最终心就会集中进入宁静
บางคนพิจารณาความตาย คิดถึงความตายใจก็สงบ
有人审思死亡,忆念死亡,心会宁静
ทำกรรมฐานอะไรก็ไม่ลง
修习其它任何禅法都不行,
ใจไม่ยอมสงบก็คิดถึงความตาย
心不愿宁静,那就去忆念死亡
อย่างโกรธคนโน้น โกรธคนนี้มาก
比如,对某人生气,对他特别怨恨
พอเราคิดถึงความตายเข้าจริงๆ
一旦我们真的想到死亡
ไม่รู้จะโกรธทำไม
就不知道自己为何要生气呢?
คนที่เราเกลียดไม่นานมันก็ตาย
我们讨厌的人不久是要死的
เราที่เป็นผู้เกลียดเขาไม่นานเราก็ตาย ใจมันก็สงบลงมา
我们这讨厌他的人不久也要死,心于是宁静下来
พิจารณาความตายใจก็สงบได้
审思死亡,心于是平复下来
แต่บางคนพิจารณาแล้วใจฟุ้งซ่านก็ไม่เอา
但是有些人审思了死亡,心散乱,那就不要
ก็ต้องดู แต่ละคนไม่เหมือนกัน
必须区别对待,每个人是不同的
บางคนชอบทำทาน ถ้าทำทานด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ
有人喜欢做布施,如果真的以纯净的心在做
ช่วยเหลือเกื้อกูลจริงๆ
真心诚意想要帮忙
เวลาเรานึกถึงทานที่เราทำแล้วด้วยดี
一旦我们想到自己曾经用心做过的布施
ใจจะร่มเย็นเป็นสุขขึ้นมา
心就会清凉、愉快起来
ฉะนั้นกรรมฐานที่จะทำให้ใจเราร่มเย็นเป็นสุข
所以,会让我们的心清凉、愉快、
ให้ใจเรามีพลังขึ้นมา ให้มันสงบ อารมณ์กรรมฐานมีเยอะแยะไปเลือกเอา
有力量、宁静的业处,有那么多,自己去选择
ในตำราเรียกว่ากรรมฐาน 40
经典称之为40种业处
กรรมฐาน 40 เป็นการสรุปย่อๆ
40种业处只是一种简略的归纳
อย่างบางคนเพ่งไฟ ทำกสิณไฟ
比如,有人紧盯火来修习火遍
บางคนชอบดูเวลาไฟไหม้ มีไหม?
有些人在发生火灾时很喜欢看,有吗?
คนไหนชอบดูเวลาไฟไหม้
哪个人在火灾发生时喜欢看的?
อยู่ที่บ้านก็ยกมือได้นะ
在家里也可以举手的。
ถ้าเราชอบดูไฟทำกสิณไฟ มันก็สงบง่าย
如果你喜欢看火,那么修火遍就很容易宁静
เพราะใจมันชอบ มันมีความสุข
因为心喜欢,所以有快乐
เด็กบางคนชอบเล่นไฟ มันชอบ
有的小孩很喜欢玩火
เวลามาทำกรรมฐานเอาความสงบก็ทำกสิณไฟ
如果他希望获得宁静,就可以修习火遍
บางคนชอบน้ำ หลวงพ่อตอนเด็กๆ บ้านอยู่ริมคลอง คลองคูเมืองกรุงเทพฯ
有的人喜欢水,隆波儿时住在曼谷运河旁
สมัยนั้นไม่ได้โสโครกขนาดหลังๆ นี้
那时候还没有现在那么脏
เวลาหน้าน้ำเดือนสิบสองน้ำเต็มตลิ่งเลย
十二月涨潮,河水会漫上岸堤
หลวงพ่อชอบไปนั่งบนดาดฟ้าบ้านมองลงมาเห็นน้ำพลิ้ว
隆波喜欢坐在自家的露台上观看
ลมมันพัดพลิ้วๆๆ เป็นระลอกๆ
微风拂过水面,泛起层层涟漪
ใจมันชอบมันมีความสุข
心很喜欢,非常快乐
ดูไปใจสบาย สว่าง สบาย เป็นกสิณน้ำ
观后心情舒服、光明、轻松,变成修水遍
แต่ว่าใจมันออกนอก กสิณใจมันออกนอก
但修“遍业处”时,心都是往外送的
แต่ถามว่าถ้าทำเพื่อให้จิตใจสงบ
但是如果是为了让心获得宁静
ทำได้ไหม? ทำได้
可以修吗?可以的
แต่ต้องมาต่อด้วยจิตตั้งมั่นให้เป็นเท่านั้น
只是接着必须学会让心安住
แต่บางอันตั้งมั่นง่าย
不过,有些禅法很容易让心安住
อย่างหายใจให้จิตตั้งมั่นง่าย
比如呼吸就很容易让心安住
อย่างกสิณมันจะสงบอยู่ข้างนอก
而修“遍业处”,心会宁静在外面
แล้วต้องน้อมกลับเข้ามาข้างใน ให้มันตั้งมั่นขึ้นมา
然后需要领它进到里面让心安住
ต้องฝึกอีกขั้นหนึ่ง
这需要进一步训练的
อย่างหลวงพ่อชอบดูไฟ ชอบดูน้ำ
比如,隆波喜欢观火,喜欢看水
ชอบดูลมพัดใบไม้ไหว พวกนี้คือกสิณทั้งหมดเลย
喜欢看着风吹树叶摇曳,全是“遍业处”
เวลาเราเห็นลมพัดใบไม้ไหวๆ นี่คือกสิณลม
当我们看着微风吹过、树叶摇曳时,这是风遍
ทำไมไม่เรียกกสิณใบไม้ก็ไม่รู้
也不晓得为什么不称之为“树叶遍”
เราดูใบไม้อยู่เรารู้ว่าลมมันผ่าน ลมมันกระทบ
看着树叶,于是知道有风吹过
ตัวลมเรามองด้วยตาไม่ได้
风本身是无法用肉眼看到的
เรามองผ่านสิ่งที่มันกระทบ
我们只能通过它接触过的事物而感知到
ตั้งแต่เด็กๆ หลวงพ่อชอบดูไฟ
隆波从小时候起就喜欢观火
ชอบดูน้ำ ชอบดูใบไม้ไหว
喜欢看水、欣赏树叶在微风中摇曳
เฝ้ารู้ เฝ้าดู ใจมันก็สงบ สบาย
不断观察下去,心会宁静和轻松
ว่างๆ ก็ไปอยู่บนดาดฟ้ามอง สบายใจ
一有空闲就会去露台上看,心情轻松舒坦
เวลาพระอาทิตย์ใกล้จะตกแดงๆ แสงอ่อนๆ
夕阳西下时,红彤彤一片,霞光非常柔和
ดูได้แล้วอันนี้ นี่คือกสิณสี กสิณสีแดง
可以看这个,是修色遍(赤遍)
ดูแล้วสบายใจ ดูแล้วสบายใจก็ใช้ได้แล้ว
如果观看以后心情舒坦,那也是可以的
จิตใจสบาย จิตใจก็ไม่ฟุ้งซ่าน ก็แค่นั้นเอง ง่ายๆ
心情舒坦就不会散乱,仅此而已,非常简单的
ฉะนั้นเราต้องรู้จักเลือกอารมณ์ที่มีความสุข
因此我们必须懂得去选择让心有快乐的所缘
มาเป็นเหยื่อล่อ เป็นเหยื่อตกปลา ปลาคือจิต
来作为钓鱼的诱饵,鱼就是心
เอาอารมณ์ที่มีความสุขมาล่อจิตของเรา
以快乐的所缘来引诱心上钩
มันก็สบายอยู่ในอารมณ์อันนั้นไม่ฟุ้งซ่าน
它就心情舒畅地与其在一起,于是不散乱
ไม่ไปทิ้งอารมณ์อันนี้ ไปจับอารมณ์โน้นวุ่นวาย
不会扔掉这个所缘而去抓那所缘,一团糟
จิตเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆ จิตจะเหนื่อย จิตจะไม่มีพลัง
如果心不停地变换所缘,心会疲惫、会筋疲力尽的
ฉะนั้นให้จิตมันมีพลังขึ้นมา
因此,要让心力获得增长
พอจิตมันมีสมาธิสงบแล้ว
一旦心有了宁静型禅定以后
เราก็ต้องต่อยอด ไปสู่จิตตั้งมั่นให้ได้
我们必须进一步训练让心得以安住
บางคนทำความสงบไม่สำเร็จ
有的人修习宁静时总是无法成功
ไปฝึกจิตตั้งมั่นเลยก็ได้
直接去训练让心安住也可以的
แล้วค่อยฝึกจิตสงบทีหลัง
之后再来训练心宁静
วิธีฝึกจิตให้ตั้งมั่น คือ
训练让心安住的方法是:
รู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น อาศัยสติเป็นเครื่องมือ
以觉性作为工具,及时知道“心没有安住”
อย่างเราหายใจถ้าเราทำสมาธิสงบ
假如我们通过观呼吸来修习宁静型的禅定
เราก็ให้จิตเราสงบอยู่กับการหายใจ
就让自己的心静静地与呼吸在一起
ถ้าเราจะให้จิตตั้งมั่นเราก็รู้ทันจิตไป
如果我们想让心安住,就去及时知道心——
หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่านก็รู้ จิตสงบก็รู้
呼吸后,心散乱了,知道;心宁静了,知道
จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจก็รู้ จิตไหลไปคิดก็รู้
心跑到呼吸上了,也知道;心跑去想了,也知道
ทำกรรมฐานแล้วคอยรู้ทันจิตเนืองๆ
修行之后不停地及时知道心
เราจะได้จิตที่ตั้งมั่น
这样我们就可以获得安住的心
จิตสงบมีประโยชน์
心宁静是有好处的
จิตตั้งมั่นจำเป็น คนละระดับกัน
而心安住是必不可少的,两者级别不同
จิตสงบมีประโยชน์ ทำให้การภาวนาของเราราบรื่น
心宁静是有好处的,可以让我们的修行平顺
แต่จิตตั้งมั่นทำให้เราทำวิปัสสนาได้
但心安住可以让我们修毗钵舍那
งานหลักของเราคือวิปัสสนา ไม่ใช่งานสงบ
我们的核心工作是毗钵舍那,而不是获得宁静
งานสงบ คืองานสมถะกรรมฐาน
宁静的工作属于奢摩他的修行
ฝึกจิตตั้งมั่นแล้วก็ทำงานหลัก
训练心安住以后,就要来进行核心工作
คืองานวิปัสสนากรรมฐาน
即,修习毗钵舍那
อยู่ๆจิตพวกเราไม่ตั้งมั่นหรอก มันต้องฝึก
我们的心是不会无缘无故安住的,必须训练才行
เพราะในชีวิตที่ผ่านมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
因为在过往数不清的生生世世中
เราฝึกจิตฟุ้งซ่านมาตลอด
我们一直在训练让自己的心散乱不已
จิตออกนอกวิ่งไปโน้น วิ่งไปนี้ตลอดเวลา
心一直往外跑,跑到那儿、逃到这里
หลวงปู่ดูลย์ท่านถึงสอนว่า
隆布敦长老曾经开示:
“อนึ่งธรรมชาติของจิต ย่อมส่งออกนอก”
另外,心的自然特征就是必然往外送
ท่านสอนอย่างนี้เลย
长老就是这么开示的
ส่งออกนอกแล้วเป็นปกติเลย มันจะไหลออกนอก
“心往外送”是常态!心会往外跑
ท่านบอกให้เรามีสติไว้
长老教导让我们要有觉性
ถ้ามีสติตั้งมั่นขึ้นมาก็เป็นการเจริญมรรค
如果有觉性且安住,就是修“道”
ถ้าไม่มีสติก็ฟุ้งซ่านไป
如果没有觉性就会散乱
ไปทำสมุทัย ไปทำเหตุของความทุกข์
就是续“集”,即去播种了苦因
ฉะนั้นต้องฝึกค่อยๆฝึกตัวเองไป
因此必须不断地训练自己
ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง เลือกเอา
自己去选修某一种禅法
จะใช้กรรมฐานที่ทำแล้วสงบ
如果使用练习之后会宁静的业处
เคยใช้กรรมฐานสงบ
在获得宁静后,
แล้วมาต่อยอด ให้เป็นกรรมฐานตั้งมั่นก็ทำได้
进一步让其成为让心安住的业处,也是可行的
อย่างเรานั่งดูไฟดูเทียน
比如:坐着观火、看蜡烛
เห็นไฟพลิ้วๆๆๆ แหมมีความสุข
看着火焰摇曳,真快乐啊
ใจสงบไม่หนีไปไหน อยู่ที่ดวงไฟ
心静下来哪里都不去了,和火焰在一起
ถ้าจะมาฝึกให้จิตตั้งมั่น
如果要来训练让心安住
ก็คือรู้ทันจิตว่า ขณะนี้จิตไหลไปอยู่ที่ไฟ
就要及时知道当下这一刻心跑到火焰了
แค่นี้ล่ะจิตจะตั้งมั่นเอง
仅此而已 ,心就会自行安住
เราใช้กรรมฐานเดิมของเราก็ได้
因此,我们也可以用原来的禅修所缘来练习
อย่างหลวงพ่อตอนฝึกใหม่ๆ หลวงพ่อใช้อานาปานสติ
比如隆波早期的时候,隆波用的是安般念
หลวงพ่อใช้คำผิด ไม่เฉพาะตอนฝึกใหม่ๆ
隆波用词错误,不仅是早期的练习
ทุกวันนี้ก็ยังทำอานาปานสติอยู่
就连现今隆波都还在修安般念
ตอนเด็กๆ ทำอานาปานสติ จนกระทั่งลมมันระงับกลายเป็นแสง
小时候修安般念,直到呼吸停止变成光明
หลวงพ่อไปดูที่แสง นี่จิตออกนอก
隆波就去观光明——心往外送了……
ต่อมาฝึกไปเรื่อยๆ
持续这样训练
พอจิตมันจะไหลไปที่แสง
心一旦要跑到光明
รู้ทัน รู้ทันว่าจิตกำลังจะไหลไปหาแสงสว่างแล้ว
及时意识到“心正要跑去找光明了”
ตรงที่รู้ทัน จิตตั้งมั่นก็เกิดขึ้นมา
在及时知道的一刻,心安住起来
เพราะเรารู้ทันจิต
因为我们有在及时知道心
ฉะนั้นอย่างพวกเราหายใจสมมติว่าหายใจอยู่
假设大家观呼吸
ยังไม่ทันจะรวมเป็นปฏิภาคเป็นแสงอะไรขึ้นมา ไม่จำเป็น
并没有来到变成光明的“似相”状态,这不是必须的
จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจรู้ทัน
心跑到呼吸上了,及时知道
จิตไหลไปคิดรู้ทัน
心跑去想了,及时知道
ฝึกแค่นี้ก็ดีแล้ว
只训练这个,就已经很好了
เราจะได้จิตตั้งมั่นขึ้นมา
我们就可以获得安住的心
พอเรามีจิตตั้งมั่นแล้ว
一旦我们有了安住的心
งานหลักของเราต่อไปแล้ว
接下来就是我们的核心工作了
จิตตั้งมั่นเป็นเครื่องมือ ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นจุดหมายปลายทาง
心安住是工具,但依然还不是我们的终极目标
จิตตั้งมั่น จิตสงบ
心安住、心宁静……
จิตตั้งมั่นเป็นแค่เครื่องมือ
心安住仅仅只是工具
ตัวจิตตั้งมั่นเป็นเครื่องมือ จิตสงบเป็นพลัง
心安住是工具,心宁静是力量
ทำให้การใช้เครื่องมือนั้นสำเร็จผล
可以确保使用工具后获得成果
งานของเราจริงๆ คืองานวิปัสสนากรรมฐาน
我们的核心工作其实是毗钵舍那
นี่คือขั้นของการเจริญปัญญา
这属于开发智慧的阶段
ส่วนการฝึกจิตให้สงบ ฝึกจิตให้ตั้งมั่น
至于训练让心宁静、让心安住
เป็นเรื่องของการฝึกจิตเรียกว่า จิตตสิกขา
那属于训练心的版块,称之为“心学”
ทำให้ได้สมาธิที่ถูกต้อง 2 ชนิด
可以让我们获得两类正确的禅定
ดูจิตๆ อย่าไปหลงกลว่าเป็นวิปัสสนา
观心观心,别误以为就是毗钵舍那
ดูจิตๆ นั้นส่วนใหญ่ที่ดูกันได้เป็นสมถะ
绝大部分人观心都是修习奢摩他
ยังไม่ขึ้นวิปัสสนาจริงหรอก
事实上还没有提升到毗钵舍那的
จนกว่าจิตจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
除非心安住成为知者、觉醒者、喜悦者
แล้วก็สติระลึกรู้รูปธรรมนามธรรมที่กำลังปรากฏ
然后觉性捕捉到正在呈现的名法、色法
รูปธรรมที่กำลังปรากฏคำนี้ถูกต้องแล้ว
正在呈现的色法,这个表述是正确的
คือรูปธรรมกำลังหายใจออก กำลังหายใจเข้า
色法正在呼气,正在吸气
กำลังยืน กำลังเดิน กำลังนั่ง กำลังนอน
正在站,正在走,正在坐,正在躺
ส่วนนามธรรมเราจะดูตามหลัง
至于名法,我们紧随其后地知道
โกรธแล้ว โลภแล้ว หลงแล้ว ฟุ้งซ่านแล้ว
生气了,贪了,迷了,散乱了
หดหู่แล้ว สุขแล้ว ทุกข์แล้ว
萎靡不振了,乐了,苦了……
แต่สุขทุกข์ดูในปัจจุบันได้
不过,苦乐是可以观到当下的
ตัวสุขอยู่ในปัจจุบันได้
快乐是可以存在于当下的
จิตที่เป็นกุศลมีความสุข ดูไป
如果心是善的,有快乐,去观的话
มันยังไม่ดับหรอก จิตยังเป็นกุศลอยู่
快乐并不会灭去,因为心依然是善的
แต่ถ้าจิตทุกข์เรามีสติรู้จริงๆ
但是心的苦,如果我们真的有觉性
ด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง มันจะดับทันทีจิตทุกข์
以安住且中立的心观察,心苦会立即灭去
จิตทุกข์มันเกิดกับจิตที่มีโทสเท่านั้น
因为心苦仅仅生起在有嗔的心
ถ้าโทสะดับจิตที่เป็นทุกข์ก็ดับ
一旦嗔灭去,心的苦也就灭了
การดูกายนั้นเรียกว่าปัจจุบันขณะ คือเดี๋ยวนี้
观身称之为“当下即刻”,即当下这一刻
กำลังเคลื่อนไหวกำลังพยักหน้า
正在运动、正在点头、
กำลังเหลียวซ้าย แลขวา กำลัง
正在左转、右转,正在……
แต่ดูจิต ดูใจนะ โลภแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว
但是,观心呢?贪了、嗔了、痴了……
ถ้าดูกิเลสจะเป็นการดูตามหลัง
烦恼杂染是紧随其后地观
เรียกโลภแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว
称为贪了、嗔了、痴了……
หรือถ้าจะดูเวทนามันทุกข์แล้ว
或者观感受,它苦了
ทุกข์เกิดร่วมกับจิตที่มีกิเลสเท่านั้น
苦只能和有烦恼杂染的心同步生起
สุขทางจิตใจ เกิดร่วมกับกุศลก็ได้
而心方面的乐有可能与善法同时生起
เกิดร่วมกับอกุศลก็ได้
也有可能与不善法同时生起
ถ้ามันเกิดร่วมกับอกุศล เกิดร่วมกับราคะอย่างนี้
如果与不善心同步生起,比如与贪心同步生起
พอราคะดับ ความสุขตัวนั้นก็ดับไปด้วย
那么贪一旦灭去,快乐也会灭去
แต่อย่างเราทรงสมาธิอยู่ เรารู้ว่าจิตมีความสุขอยู่
但如果我们处在禅定中知道心有快乐
ไม่จำเป็นต้องดับหรอกเพราะมันไม่ใช่อกุศล
快乐并不一定灭去,因为它并非不善心
มันเป็นความสุขที่เกิดร่วมกับจิตที่เป็นกุศล
而是与善心同步生起的快乐
จิตดวงนั้นมันเป็นอย่างจิตที่ทรงฌาน
那时候的心若是处于禅定
มันจะเกิดซ้ำๆๆ กันนานเยอะ
它会长时间反复生起,多次重复
เกิดจิตที่ทรงฌานยาวๆ ขึ้นมา
于是出现维持很久的禅定状态的心
ถ้าเป็นอกุศลจะมีคำว่า แล้ว
但是,如果观不善法就会有“了”这个字
โลภแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว ฟุ้งซ่านแล้ว
贪了、生气了、迷了、散乱了
หดหู่แล้วการดูตามหลัง
萎靡不振了……紧随其后地观
บางคนบอกว่า หลวงพ่อปราโมทย์สอนอะไรไม่เป็นปัจจุบัน
有人号称隆波帕默教的都是啥,根本不是当下
ดูจิตไม่เป็นสิถึงบอกว่าหลวงพ่อสอนผิด
不会观心了呗,所以才宣称隆波教错了
จิตที่มันโลภ โกรธ หลง มันเป็นอกุศลจิต
贪的心、嗔的心、迷失的心,属于不善心
ขณะที่มีอกุศลจิตสติไม่มีหรอก
在心是不善的那一刻,是不会有觉性的
ตอนที่เรารู้กายกำลังเคลื่อนไหว
在我们觉知正在移动的身体时
เรียกว่ารู้ในปัจจุบันขณะ เป็นปัจจุบันขณะ
称为觉知“刹那当下”——当下这一刻
แต่ตอนที่เรารู้จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลง
而在我们觉知心贪、心嗔、心痴时
เป็นปัจจุบันสันตติ
是“相续当下”
ฉะนั้นวิธีดูกาย กับดูจิตจะแตกต่างกัน
因此观身与观心的方法是有区别的
ดูกายดูเดี๋ยวนี้ กำลังเป็นอยู่
观身是观察当下这一刻正在发生的状况
ดูจิตที่เป็นอกุศล มันโลภแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว
观不善心——心贪了、生气了、迷失了
แต่ว่าโลภแล้วปุ๊บมีสติรู้ว่าจิตเมื่อกี้โลภ
但是,贪了立马有觉性意识到:心刚才贪了
แต่ถ้าเมื่อวานโลภแล้ววันนี้รู้ว่าเมื่อวานโลภ
但若昨天贪了,今天才意识到昨天贪了
อันนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ปัจจุบันสันตติแล้ว
这就不行了,已经不是“相续当下”
ไม่มีสันตติแล้ว ไม่มีความสืบเนื่อง
没有了“相续性”,已经不连贯了
ปัจจุบันสันตติ คือมันสืบเนื่องอยู่กับปัจจุบัน
“相续当下”,是与当下接连相续的
การดูนามธรรมมันเป็นปัจจุบันสันตติ โดยเฉพาะการดูกิเลส
观名法是属于“相续当下”,尤其是观烦恼杂染
ถ้าเราจะดูก็ต้องเรียน เรียนวิธีเจริญปัญญา
如果想要开发智慧,就必须要学习方法:
ดูกายควรจะทำสมาธิก่อนจิตจะได้มีกำลัง
观身必须先修禅定,心才会有力量
ดูเวทนาควรจะทำสมาธิก่อน จิตจะได้มีกำลัง
观感受,适宜于先修禅定,心才会有力量
แล้วก็ดูกาย ดูเวทนามันทำงานไป
然后去观身、观感受工作
มันกำลังทำงาน
(观)它们正在运作
แต่ตอนจะดูจิต ดูใจใช้ขณิกสมาธิ
但是,观心用的是刹那定——
สมาธิชั่วขณะเป็นขณะๆ ไป
一瞬间的禅定,一刹那、一刹那的
เช่นเราพุทโธๆๆๆ จิตหนีไปคิด จิตฟุ้งซ่าน
比如念佛陀、佛陀、佛陀,心溜去想,心散乱
เรารู้ทันว่าฟุ้งซ่านแล้ว เป็นขณะๆ
我们知道散乱了,刹那刹那地知道
มีสมาธิไหม? ดูจิต
观心时,有禅定吗?
ดูจิตที่จะให้เกิดปัญญาก็ต้องใช้สมาธิ
观心要想获得智慧,就必须用到禅定
สมาธิมี 3 อย่าง ขณิกสมาธิ สมาธิชั่วขณะ
禅定有三种:刹那定,瞬间的禅定
อุปจารสมาธิ สมาธิที่เกือบๆ จะได้ฌาน
近行定,非常接近禅那的定
อัปปนาสมาธิ เป็นสมาธิในฌาน
安止定,即“禅那”里的禅定
ยุคเรานี่ลูกศิษย์หลวงพ่อที่เดินทางฌานมีไม่มาก
作为隆波弟子的这个年代,走禅那路线的人不多
เพราะคนรุ่นเราทำฌานไม่ค่อยได้
因为我们这一代人不太能入定
ที่เห็นทำได้ชำนิชำนาญก็มีคุณนั้นที่ทำได้ชำนาญ
可以娴熟入定的人,也就只有坤南可以做得到
ทำกรรมฐานจนว่องไวจนเป็นปกติเป็นธรรมดา
其修行已经游刃有余,而且已成常态
ฝึกมา 52 ปี ก็เก่งเรื่องของสมาธิ
他训练了52年,禅定已出神入化
ฝึกเล็กๆ น้อยๆ ไม่เก่งหรอก
训练一点点是不会厉害到哪里去的
ยกเว้นมีของเก่าจริงๆ
除非真的有旧库存
ถ้าไม่ได้มีของเก่า ฝึกสมาธิแบบถึงอัปปนาอะไร
否则,若想练习禅定来到安止定
ถึงลมหายใจระงับนี่ฝึกกันหลายสิบปี
或是来到呼吸停止,那要训练好几十年时间
ถ้าเราไม่มีปัญญาจะฝึก เราก็ฝึกขณิกสมาธิ
如果大家不具备这个能力,那就训练刹那定:
จิตไหลแล้วรู้ๆ ฝึกไปเรื่อยๆ
心跑了知道、心跑了知道,不断地训练
จิตจะค่อยๆ มีแรง จิตจะค่อยๆ ตั้งมั่นๆ ขึ้นมา
心会逐渐有力量,慢慢安住起来
อย่างพระที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเมืองเกือบทั้งหมด
比如寺庙这里出家人大部分来自城市
เป็นคนเมืองมีความฟุ้งซ่านเป็นปกติ
几乎全是城里人,散乱是常态
ฟุ้งคิดตลอดเวลาเลย มาอยู่กับหลวงพ่อ
一直在散乱,来到隆波这里
หลวงพ่อให้ทำกรรมฐาน หายใจเข้าพุทออกโธอะไรก็ทำไป
隆波就教他们吸“佛”、呼“陀”之类的
แรกๆ ยังไม่ได้สอนอะไรเยอะหรอก
一开始不会教太多内容
ฝึกแค่นี้ อดทนทำไปๆ
只是这样而已,他们耐心去训练
จิตมันค่อยตั้งมั่นขึ้นมา มันมีพลังขึ้นมา
心逐渐安住起来,慢慢有了力量
ถึงตรงนั้นค่อยโน้มน้อมจิต ซึ่งมันมีพลังแล้ว
มันตั้งมั่นแล้วไปเพื่อญาณทัสสนะ
那时再带领有了力量且安住的心去培育观智
คือไปดูกายมันทำงาน ไปดูใจมันทำงาน
也就是去观身工作、观心工作
ถ้าไม่มีสมาธิไปเดินวิปัสสนาไม่ได้จริง
如果没有禅定,是无法真正修毗钵舍那的
แต่สมาธิที่พวกเราฝึกยุคนี้แค่ขณิกะ
但这个时代我们只能训练刹那定而已
ฝึกไปเรื่อยๆๆๆ ใจจะค่อยๆ มีพลังขึ้นมา
持续不断地训练,心就会逐渐地有力、
ตั้งมั่นขึ้นมา เด่นดวงขึ้นมาอย่างนี้ก็ใช้ได้
安住、独立凸显起来,这是行得通的
พอใช้ได้สำหรับคนซึ่งไม่มีวันที่จะฝึกอัปปนาสมาธิได้
对于那些根本不可能训练安止定的人
ก็ต้องทำอย่างนี้
就只能用这样的方法训练
ถ้าไปถูลู่ถูกังพยายามจะหายใจให้เกิดอัปปนาสมาธิ
如果硬着头皮非要通过呼吸获得安止定
ชาตินี้อาจจะไม่ได้ภาวนาเลย
这辈子大概是没有指望了
งานหลักก็ไม่ได้ทำ มัวแต่ฝึกนั่งสมาธิให้จิตสงบอยู่
核心工作没做,反而一味在训练禅定、让心宁静
ส่วนใหญ่ฝึกแค่สงบไม่ได้ฝึกตั้งมั่น
而且大多的训练只有宁静,没有安住
ไม่รู้จักจิตตั้งมั่นหรอก
不认识安住的心
ฉะนั้นไม่มีทางได้ทำวิปัสสนาได้จริง
因此无法真正修习毗钵舍那
นี้เราค่อยๆ ฝึก ฝึกจิตของเราทุกวัน
大家要每天慢慢训练自己的心
ศีลต้องรักษา สมาธิต้องฝึก
戒必须持守,禅定必须训练
ช่วงไหนจิตยังไม่มีกำลังก็ฝึกให้จิตมีกำลัง
哪段时间心还没有力量,就去训练让心获得力量
ช่วงไหนจิตไม่ตั้งมั่น ก็ฝึกให้จิตตั้งมั่น
哪段时间心没有安住,就去训练让心安住
ในที่สุดก็จิตทั้งตั้งมั่น ทั้งมีกำลังก็จะเดินปัญญาได้
最终心既安住又有力量,就可以开发智慧,
จะเห็นความจริงของกาย เห็นความจริงของใจ
会看到身的实相、心的实相。
สิ่งที่เราทำในการเจริญปัญญา คือเห็นความจริง
我们在开发智慧时,所做的是看见实相——
เห็นเท่านั้นไม่ใช่คิด
只是“看”,不是“想”!
เพียงคิดถึงว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
仅仅思维“这个身体无常、苦、无我”
ผม ขน เล็บ ฟัน หนังไม่ใช่ตัวเราของเรา
毛、发、指甲、牙齿、皮肤不是我、不是我的
นี่ยังคิดเอานี้เป็นสมถะ เป็นสมถะกรรมฐาน
这依然是在“想”,属于奢摩他的修行
เป็นกายคตาสติอยู่ในกรรมฐาน 40 อยู่ในหมวดอนุสติ 10 ข้อ
属于40种业处中的身至念,在10随念里
ตรงที่จิตมันเดินวิปัสสนา จิตมันเห็นความจริง
心在修毗钵舍那时,它是看到实相
มันเห็นไม่ใช่มันคิด
是“看”,而不是“想”
อย่างมันเห็นจิตทำงานได้เอง
比如,它看到心可以自行工作
เดี๋ยวจิตก็ไปเกิดที่ตาแล้วก็ดับ
心一会儿生起在眼根而后灭去
กลับมาเกิดที่ใจ เกิดที่ใจแล้วก็ดับ
返回来生起在意根而后也灭去
ไปเกิดที่หู เกิดที่หูแล้วก็ดับ
生于耳根,再灭去
มาเกิดที่ใจอะไรแบบนี้ สลับไปสลับมา
又生于意根,如此交替进行
นี่สำหรับนักปฏิบัติ
以上是对修行人而言的
ถ้าไม่ปฏิบัติ เดี๋ยวก็ไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
如果不修行,就时而到眼、耳、鼻、舌、身
แล้วก็หลงไปคิด ไม่มีจิตตั้งมั่น
而后迷失去想,没有安住的心
พอไม่มีจิตตั้งมั่น มันจะรู้สึกว่าตัวเรามีอยู่จริงๆ
一旦心不安住,就会觉得“我”真的存在
เพราะจิต เราจะรู้สึกว่าจิตมีอยู่ดวงเดียว
因为我们会觉得心只有一颗
แต่เดี๋ยวก็วิ่งไปทางตา วิ่งไปทางหู ทางจมูก
然后一会窜到眼根,窜到耳根、鼻根、
ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เห็นว่าจิตมีดวงเดียว
舌根、身根、意根,误以为心只有一颗
แต่ถ้าจิตตั้งมั่นเราจะรู้เลย
但是如果心安住,我们就会明白:
จิตตั้งมั่นก็ดวงหนึ่ง จิตที่ไม่ตั้งมั่นก็เป็นอีกดวงหนึ่ง
安住的心是一颗,不安住的心是另一颗
จิตที่ไม่ตั้งมั่นก็มีหลายแบบ
不安住的心还分好几种:
บางดวงก็เป็นจิตดู บางดวงเป็นจิตฟัง
有些是看的心,有些是听的心
เป็นจิตดมกลิ่น เป็นจิตลิ้มรส
闻气味的心、尝味道的心
เป็นจิตรู้สัมผัสทางกาย เป็นจิตคิดนึกทางใจ
感知身体接触的心、跑到意根去想的心
เป็นจิตเพ่งทางใจ หรือจะเป็นจิตรู้
紧盯意根的心、或是觉知的心
สารพัดจิต มีเยอะแยะเลย
各式各样的心,不胜枚举
ถ้าเรามีจิตรู้ เราถึงจะเห็นว่าจิตเกิดดับ
如果具备觉知的心,我们才能看见心的生灭
ถ้าเราไม่มีจิตรู้เราจะไม่เห็นว่าจิตเกิดดับ
否则,我们看不见心的生灭
เพราะมันมีแต่จิตหลงอย่างเดียว
因为心只是一味地处于迷失的状态
ตื่นนอนมาก็หลงๆๆๆ ไปจนนอนหลับ
清晨一醒来就是迷、迷、迷,直到睡着
หลับก็หลงไปจนหลับอีก แล้วก็ฝันๆ หลงๆ ไปอีก
睡着也是迷失到再睡着,梦与迷轮番上阵
ฉะนั้นเราก็จะรู้สึกว่าจิตคือตัวเรา
所以我们才会感觉到心即是我们自己
จิตมีตัวเดียวนี่ล่ะ
ทำงานอย่างโน้นทำงานอย่างนี้
心就只有一颗啊,忙这、忙那的
แต่ตรงที่เราสามารถฝึกจนจิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ได้
但是训练心安住成为知者后
เราจะเห็นเลยว่าจิตหลงเมื่อกี้นี้เป็นจิตหลง
我们就会看到刚才的心是迷失的
จิตหลงนั้นดับไปแล้ว ตอนนี้เป็นจิตรู้
迷失的心灭去后,现在是觉知的心
จิตหลงกับจิตรู้เป็นคนละดวงกัน
迷失的心与觉知的心不是同一颗心
เห็นซ้ำๆๆๆ ไป
反反复复这样去看
จิตหลงกับจิตรู้เป็นคนละดวงกัน
迷失的心与觉知的心不是一回事
แล้วจิตหลงแยกออกไปอีก หลงไปดู หลงไปฟัง
而且迷失还可以细分:迷失去看、去听、
หลงไปดม หลงไปลิ้มรส หลงไปรู้สัมผัสที่กาย หลงไปคิดทางใจ
去闻、去尝、去感知身体的接触、去到意根
หลงไปเพ่งอารมณ์กรรมฐาน จิตหลงนานาชนิด
迷失去紧盯禅修所缘,心迷失是形形色色的
พอมีจิตรู้เราจะเห็นเลยจิตหลงเกิดแล้วดับ
一旦有觉知的心,就会看见迷失的心生了就灭
จิตหลงไปดูเกิดแล้วดับ จิตหลงไปฟังเกิดแล้วดับ
迷失去看的心生了就灭,迷失去听的心生了就灭
ตรงที่มันดับ จิตหลงดับ เกิดจิตรู้ขึ้นมา
在迷失的心灭去时,生起了觉知的心
ฉะนั้นจิตรู้ทำให้เห็นจิตมันเกิดดับ
因此,觉知的心让我们看到心的生灭
แล้วมันจะทำให้จิตถอดถอนตัวเองออกมาเป็นคนดู
让心抽身出来变成观者
อย่างเวลารู้กายจิตจะไม่จมลงไปในกาย
比如在观身时,心不会浸泡在身体里
มันจะเห็นเลยร่างกายมันเป็นของอยู่ต่างหากร่างกายไม่ใช่จิต
看到身在一边,身不是心
เป็นของถูกรู้ถูกดู ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
是被觉知被观察的对象,身不是“我”
นี่ปัญญามันถึงจะเกิด ถ้ามันมีจิตรู้อยู่
有觉知的心在场,智慧才会生起
ร่างกายมันเดิน จิตเป็นคนดู
身体行走,心是观者
ตรงที่มีจิตเป็นคนรู้คนดูนั่นล่ะ
当心是知者、观者的时候
เรียกว่าเรามีจิตรู้
称之为“我们拥有觉知之心”
บางคนเรียนอภิธรรม
有些学习《阿毗达摩》的人声称:
บอกจิตผู้รู้ไม่มีในพระไตรปิฎก
三藏经典里并未提及知者的心
ไม่มีในอภิธรรม แต่เวลาสอนกรรมฐานบางทีก็สอน
在《阿毗达摩》没有,但有时教业处却也会教:
รูปมันเดิน นามมันรู้ ก็นามนั่นล่ะที่เรียกว่าจิตมันรู้
色走,名知,名知即是心知
นามอะไรที่เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ก็นามจิตนั่นล่ะ
自然能感知所缘的是什么名法?就是心啊!
แล้วบอกว่าจิตรู้ไม่มี จิตผู้รู้ไม่มี
却声称没有觉知的心,知者的心不存在
แบบสะดุดขาตัวเองนั่นล่ะ
自己跟自己抬杠嘛
บางคนก็สอนรูปมันนั่ง นามมันรู้
有人也会教:色坐,名知……
ถ้าพูดอย่างสำนวนของหลวงพ่อ
如果按照隆波的表达习惯:
ร่างกายมันนั่ง จิตผู้รู้เป็นคนรู้ว่าร่างกายนั่ง
身体坐着,知者的心是知道身体坐着的“人”
แต่ถ้ามันหลง ร่างกายนั่ง มันก็ไม่รู้ว่าร่างกายนั่ง
但若心迷失,身体虽坐着,却不知道身体坐着
อย่างเวลาเราใจลอย เราเกา ร่างกายเคลื่อนไหวเราก็ไม่รู้
比如当我们走神时抓痒,身体在动,也不知道
ร่างกายกระดุกกระดิกเราก็ไม่รู้
身体动来动去的,我们也不知不觉
เพราะว่าตอนนั้นมีแต่จิตผู้หลง ไม่มีจิตผู้รู้
因为那时候只有迷失者的心,没有知者的心
ฉะนั้นค่อยๆ ฝึก จนกระทั่งใจเรามีสมาธิที่ถูกต้อง
因此要逐步训练,直至心具备正确的禅定
คือได้จิตผู้รู้ขึ้นมา
即已经获得了知者的心
หลวงพ่อสอนเรื่องจิตผู้รู้ ตั้งแต่หลวงพ่อยังไม่บวช
隆波尚未出家就开始教知者的心
อย่างเขียนอยู่ในพันทิปเต็มไปหมดเลยเรื่องของจิตผู้รู้
比如在pantip网站里到处都是知者的心
แล้วถึงวันนี้ก็ยังสอนอยู่เรื่องนี้
时至今日,还是在教这个内容
บางคนบอกหลวงพ่อปราโมทย์ไม่สอนสมาธิ
有人说隆波帕默不教禅定……
ก็สอนเรื่องจิตผู้รู้ มันคือเรื่องสมาธิ
知者的心就是禅定啊
ไม่ใช่สอนให้นั่งเคลิ้มๆ อย่างนั้น
而不是教大家那样迷迷糊糊地打坐
หลวงพ่อนั่งมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วรู้ว่า
隆波从小打坐,所以清楚知道:
ไม่ใช่ทางหรอก นั่งขาดสติ
缺乏觉性的禅坐肯定是不行
นั่งแล้วต้องมีสติถึงจะมีตัวรู้เกิดขึ้น
打坐后必须有觉性才会有知者的
พอมีตัวรู้แล้ว สติระลึกรู้รูป
一旦有觉者后,觉性捕捉色
มันจะเห็นว่ารูปเป็นของถูกรู้
就会看到色是所观
นามคือจิตผู้รู้เป็นคนรู้ คำว่านามมันรู้
名即心是能观。所谓“名知”
ตัวนามมีทั้งจิต ทั้งเจตสิก มันรู้อารมณ์อันเดียวกัน
名既包括心又包括心所,且它们感知同一所缘
พูดอย่างนี้ฟังแล้วก็ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร
听到这样表述后,却不知道怎么实践
ครูบาอาจารย์ทั้งเลยสร้างคำว่าจิตผู้รู้ขึ้นมา
所以高僧大德创造出“知者的心”这个词
พวกเรารู้จักจิตผู้รู้ไหม?
大家认识知者的心吗?
รู้จักจิตผู้หลงไหม? ค่อยๆ ฝึก
认识迷失者的心吗?逐步去训练
พอเรารู้เราจะเห็นชีวิตเราที่ผ่านมามีแต่จิตหลง
一旦明白,就会看到过往的生命全是迷失的心
เพราะฉะนั้นมันไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตขาดเป็นส่วนๆ
因此,从未觉得生命是一个个片段
แต่พอเรามีจิตผู้รู้แล้ว ชีวิตเราจะขาดเป็นส่วนๆ
一旦有了知者的心,生命就被切成一个个片段
ร่างกายที่หายใจออกมันก็ส่วนหนึ่ง ร่างกายที่หายใจเข้ามันก็ส่วนหนึ่ง
身体呼气是一部分,身体吸气又是一部分
คนละอันกันแล้ว ร่างกายที่หายใจออกตายไปแล้ว
完全不是一回事,呼气的身体死去了
เกิดร่างกายที่หายใจเข้าขึ้นแทน นี่มันเห็นเกิดดับ
换成了吸气的身体,这就是生灭
เห็นเกิดดับได้เพราะจิตมันเป็นผู้รู้
能看到生灭,是因为心是知者
ร่างกายที่ยืน ที่เดิน ที่นั่ง ที่นอน ทำไมต้องเปลี่ยนอิริยาบถ
身体行、住、坐、卧,为什么必须换姿势
ใครเป็นคนรู้ก็จิตเป็นคนรู้
谁是知道的人?心是知道的人
ถ้าเรียนแบบปริยัติ ก็คือจิต และเจตสิกเป็นคนรู้
如果按照经典来说,“心”与“心所”是“知者”
พูดแล้วก็งงมากกว่าเก่า ไม่รู้จะทำอย่างไร
这么说后会更加一头雾水,不知如何动手
ครูบาอาจารย์ท่านเลยเรียกว่าจิตผู้รู้
于是,高僧大德称之为“知者的心”
จิตผู้รู้ไม่ใช่เป็นจิตเพียวๆ
知者的心单纯只是心吗?不是!
จิตผู้รู้ คือจิตซึ่งประกอบด้วยองค์ธรรมฝ่ายดีจำนวนมาก
เจตสิกฝ่ายดีจำนวนมาก
知者的心包含为数众多的善法—— 有很多美心所
เพราะฉะนั้นเวลาจิตเกิดจะมีองค์ธรรม
ที่เกิดร่วมกับจิตจำนวนมากในจิตแต่ละดวง
因此在每颗心生起时有数量庞大的心所会同步生起
ตัวจิตผู้รู้เป็นคำรวม
知者的心是统称
รวมทั้งเจตสิกที่เกิดร่วมกับตัวจิตที่เป็นผู้รู้นั่นล่ะ
包含所有与知者的心同步生起的心所
อย่างมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา
比如有觉性(念心所)、禅定、智慧(慧心所)
สมาธิก็มีความเป็นหนึ่ง
禅定,即“拥有成为一”(一境性心所)
ฉะนั้นเราค่อยๆ ฝึก
因此,我们要逐步练习
การฝึกจิตให้ดีจะทำให้การเจริญปัญญาประสบความสำเร็จ
好好训练心以便开发智慧能够取得成果
ถ้าเรายังไม่มีจิตผู้รู้ การเจริญปัญญาก็ทำไม่ได้จริง
如果尚无知者的心,就无法真正开发智慧
มันจะไม่สามารถเห็นว่าชีวิตของเราขาดเป็นช่วงๆ ได้
因为无法看见我们的生命断成一段一段的
รูปทั้งหลายเกิดแล้วดับ
所有的色法生了就灭
นามทั้งหลายเกิดแล้วดับจะไม่เห็น
所有的名法生了就灭,对此视而不见
ถ้ามีจิตผู้รู้มาเป็นตัวคั่น
如果有知者的心来隔开
ก็จะเห็นรูปหายใจออกเกิดแล้วดับ
就会看见呼气的色生了就灭
รูปหายใจเข้าเกิดแล้วดับ
吸气的色生了就灭
รูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอนแต่ละรูปเกิดแล้วดับ
行、住、坐、卧的色,每一种色生了就灭
รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่งเกิดแล้วดับ
动的色、停的色生了就灭
ความสุขเกิดแล้วดับ ความทุกข์เกิดแล้วดับ
快乐生了就灭,痛苦生了就灭
ในกายนี้ความสุข ความทุกข์
在这个身体里的苦、乐
ความไม่สุข ไม่ทุกข์ในใจเราเกิดแล้วดับ ใจเป็นคนรู้
心里的不苦不乐生了就灭,心是知者
กุศลทั้งหลายเกิดแล้วก็ดับ อกุศลทั้งหลายเกิดแล้วก็ดับ
所有善法生了就灭,所有不善法生了就灭
อย่างใจเรามีความอยาก ควา มอยาก
比如:我们的心有想要,有欲望
อยากดูรูปมันก็ ผลักดันให้จิตไปเกิดทางตา
想要看画面,就会驱使心去到眼根
อยากฟังเสียง ก็ผลักดัน ให้จิตไปเกิดทางหู
想听声音,就推动心生起在耳根
ใจมันก็ดิ้นๆๆ
心于是不停地挣扎
เมื่อเรามีสติรู้ ใจตั้ง มั่น
如果具备觉性与安住的心
จะเห็นสภาวะทั้งหลายเกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับหมุนเวียนไปเรื่อยๆ
就会看到所有境界生灭、生灭,不断循环变化
ตอนที่เราดูสภาวะทั้งหลายเกิด ดับหมุนเวียนไป จิตมันจะเหน็ดเหนื่อย
在看到所有境界生灭循环变化时,心会疲惫
เวลาเจริญวิปัสสนาจริงๆ จิตมันใช้แรงมากใช้พลังงานมาก
因为契入真正的毗婆舍那时,是耗能巨大的过程
พอจิตมันเหน็ดเหนื่อย มันจะเริ่มดูไม่รู้เรื่อง
一旦心非常疲惫,就无法继续观了
เริ่มจากของละเอียดจะดูของละเอียดไม่ได้ คือจะดูจิตไม่รู้เรื่อง
起先是观不了微细的对象,即观不了心
กายเป็นของหยาบยังดูรู้เรื่องอยู่
而身是粗重的,观身还凑合着
พอจิตหมดกำลัง มากกว่านั้น ดูกายก็ไม่รู้เรื่องแล้ว มั่วไปหมดแล้ว
但当心更无力时就连身也观不了,完全一团糨糊
เพราะฉะนั้นตรงที่จิตมันหมดกำลัง เราจะต้องชาร์จมัน
所以,在心无力时,我们要给它充电
ควรจะชาร์จก่อนจะหมดกำลัง
最好在无力之前就充电
ไม่ใช่รอจนหมดแล้วมา เริ่มชาร์จอย่างนั้นชาร์จทีหลายวันเลย
而不是到了“零”再开始,那样需要充好几天
เหมือนเรา ประเภทใช้พลังงานไป
这类似在能量损耗过程中
มีเวลา 5 นาทีเราก็ชาร์จของเรา
哪怕有5分钟的间隙也给自己充电——
หายใจเข้าพุท หายใจออกโธของเราไป เก็บมันไป เรื่อยๆ
吸佛、呼陀,不停地积累
แล้วจิตมันเดินปัญญาก็เดินไป
当心可以开发智慧时,就去开发
พอมีเวลาว่าง นิดๆ หน่อยๆ ก็กลับมาชาร์จพลัง
同时哪怕有一丁点空闲,也回来补充能量——
ทำสมาธิชนิดสงบ ให้จิตอยู่ในอารมณ์กรรมฐานที่มีความสุข
修宁静型禅定,让心跟快乐的禅修所缘在一起
ฉะนั้นสมาธิจำเป็น
因此,禅定是必须的:
สมาธิตั้งมั่นทำให้เดินปัญญาได้
安住型的禅定可以让智慧得以开发
สมาธิที่สงบทำให้มีแรงที่จะเจริญปัญญา
宁静型的禅定能保障有足够的力量去开发智慧
เพราะฉะนั้น ต้องฝึก ฝึกได้ทั้ง 2 อย่างดีที่สุด
因此必须训练,若两者都能训练那是最好的
ถ้าฝึกไม่ได้ ให้ได้ สมาธิชนิดตั้งมั่นไว้ก่อน
如果训练不了,就先训练安住型禅定
แล้วสมาธิชนิดสงบค่อยเกิด ทีหลัง
然后宁静型禅定后面再生起
แต่ว่าพวกนี้จะเป็นสุขวิปัสสกะ ภาวนาแบบแห้ง แล้ง
这属于纯观行者,其修行过程枯燥而干涩
ไม่แช่มชื่นเท่าไหร่หรอก แต่ยังดีกว่าไม่ได้
不怎么滋润的,但是也好过一无所获
พอรู้ เรื่องไหม?ถ้ารู้เรื่องก็ให้กล้องพยักหน้าหน่อย
大概能明白吗?如果明白就让摄像头点点头
วันนี้ เทศน์ให้กล้องฟังเอ้า พอสมควรแก่เวลาก็จบเท่านี้
今天对着摄像头讲法,好啦,就讲到这里
ระวังตัวนะ ระมัดระวังมีสติไว้ รักษาตัวเองให้รอด
大家要小心谨慎,保持觉性,要懂得自我保护!
ตรง ไหนไม่จำเป็นก็อยู่บ้านเรา
不必去的地方,就待在家里
คนไหนไม่จำเป็นก็อยู่บ้าน เรา
不必出门的人,就待在自己家里
ออกจากบ้านก็ระวังตัวรักษาตัวเองให้ดี ใส่ หน้ากากไว้
出门在外,要善于保护自身,戴上口罩
รักษาตัว ให้รอด อดทนสักครึ่งปีไปแล้ว
好好自我保护,忍耐半年时间
เราช่วยกันได้ โรคมันไม่กระจายมากกว่านี้
大家一起帮忙不让疫情进一步扩散
สักหนึ่ง เดือนมันก็จะเริ่มระงับแล้ว
那么一个月后疫情就会开始好转
เราก็อาจจะผ่อนคลายได้ มากกว่านี้
我们也许就能迎来比现在更宽松的境况
แต่ถ้าพวกเราเหลวไหลก็เหมือนประเทศอื่น ติดเป็นแสนเป็นล้าน
但如果跟其他国家那样感染十万、百万人
อันนั้นทำอะไรไม่ได้แล้วกระทั่ง ไม้จะทำโลงก็ไม่พอจะทำแล้ว
就回天无术了,连做棺材的木料都不够
ธุรกิจทำโลงศพเป็น ธุรกิจที่ไม่กลัวโควิดอย่างอื่นส่วนใหญ่ก็กลัว
棺木生意是不怕新冠肺炎的,其他行业大多都怕的
พวกเรา ช่วยกันรักษาตัวเองให้ดี
大家要照顾好自己
ถ้าเดือนนี้ผ่านไปได้ เดือนนี ไม่ใช่เดือนธันวานะ
如果这个月过去了,这个月不是十二月
หมายถึงอีกสักเดือนหนึ่งผ่านไป ได้ มันก็คงทุเลาแล้ว
是指一个月过后,境况或许就好转了
เมืองชลฯ หลวงพ่อไวไหม? หลวงพ่อประกาศปิดวัด
ตั้งแต่วันอาทิตย์ก่อน ปิดวันจันทร์ที่ผ่านมา
隆波的反应快吗?上周一就关闭寺院
วันที่แล้วเราก็พบคนต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองมาที่เมือง ชลฯ
一天后,春武里就发现非法外籍劳工
มีเชื้อ 1คน แล้วคนในเมืองชลฯมีเชื้อ2 คน
结果一名外籍劳工与两位春武里府人患病
กลัวไม่ทันสมัย ไปเอามาจากมหาชัยเหมือนกัน
害怕赶不上“潮流”,传染源头同样是龙仔厝府
ฉะนั้นพื้นที่ นี้ก็ถือว่าต้องควบคุมแล้ว หลวงพ่อเลยควบคุมไว้ก่อนเลย
因此,这里也必须管控了,于是隆波率先行动
บอกพวกเราถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาวัดหรอก
告诉大家:非必需就不要来寺院
แต่ ไม่ใช่แปลว่าไม่จำเป็นก็ไปเที่ยวนะ
但不是说——不必来寺院就去玩、
ไม่ได้มาวัดเที่ยว ห้างเที่ยวอะไร อดใจไว้สักหนึ่งเดือน
去逛商场、去到处游玩,大家忍耐个把月
ช่วยๆ กันพอโรค มันไม่กระจายแล้ว เราก็จะผ่อนคลายกว่านี้
齐心协力!只要病毒不扩散,就会放宽防疫政策
ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความเห็นแก่ตัว ของคนไม่กี่คนเท่านั้น เอง
所有的问题都是由于少数几个人的自私自利
เกิดจากความเห็นแก่ตัว พวกเราอย่าเห็นแก่ตัวช่วยๆ กัน
望大家不要自私,同心协力、一起帮忙!
เอ้า เชิญกลับบ้านได้
好啦,请回家

Loading