2013年5月8日
เจริญพรทุกท่าน
各位吉祥如意!
ก่อนหลวงพ่อจะเทศน์นะ บอกหลักการกันนิดนึง
在隆波正式讲法前,先讲一点原则:
เวลาเราฟังธรรมเนี่ยเราถือว่าเป็นเวลาเหมือนอย่างเรากำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
听法时,就好比我们正在亲近佛陀。
เพราะพระพุทธเจ้าเนี่ยท่านให้ถือว่าธรรมะเป็นตัวแทนของท่าน
佛陀曾经开示,法就是他的化身。
งั้นเวลาฟังธรรมฟังด้วยความสำรวม ด้วยความเคารพ
因此,我们听法时要一心一意,有恭敬心。
เราอย่าไปทำอะไรที่มันกวนคนข้าง ๆ เค้า
尽量别在听法时做一些影响他人的行为,
ทำลายสมาธิในการฟังธรรมของคนอื่นเนี่ย เป็นเรื่อง
如果破坏了别人听法时的禅定,
ในวงกรรมฐานถือว่าร้ายแรง
作为修行人都应当明白,这是要承受果报的。
อย่างสมัยก่อนครูบาจารย์ยังมีชีวิตอยู่มาก
比如从前,非常多的祖师大德还在世,
เราไปอยู่วัดท่าน
我们去寺庙顶礼的时候,
แค่เดินดังนะท่านยังดุเลย
只是走路发出声响,也会被呵责。
ว่าถ้าคนอื่นเค้านั่งภาวนาอยู่
祖师开示说,如果有人正在打坐,
แล้วเราไปเดินเสียงดังหรือพูดเสียงดัง จิตเค้าถอนออกจากสมาธิ
而我们走路或说话的声响,让他的心从禅定中退出。
บาปมาก
那样我们就造孽深重了。
บางคนเค้าอาจจะเกือบจะได้มรรคได้ผล
也许那时别人就快体证道、果了,
จิตถอนออกมา เค้าไม่ได้
却因我们的干扰,致使心退出禅定而未能证得。
งั้นเวลาฟังธรรมนะฟังด้วยความเคารพ ให้เวลากับธรรมะ
因此,我们要以恭敬心来听法,全神贯注的学法,
ไม่นานเท่าไหร่หรอกประมาณ 45 นาทีเท่านั้นเอง อย่างมากก็ชั่วโมงหน่อย ๆ
无需太久,仅仅45分钟 ,最多一小时多一点。
งั้นเราก็สำรวมกาย
让我们收摄一下身体,
นั่งเรียบร้อยแต่ไม่ถึงขนาดนั่งตัวแข็งแบบนักเรียนเตรียมทหารหรอก
无需像军校学生那样坐得直挺挺;
สำรวมวาจาอย่าคุยกัน สำรวมใจ
收摄嘴巴,不去聊天;
ทางกายเราก็ไม่คว้ากล้องคว้าอะไรขึ้นมาวุ่นวาย
也收摄心,不去想着照相之类的。
แล้วเวลาส่งการบ้าน
另外,在做禅修报告时,
ก็อย่าไปอ้างนะว่า อาจารย์นั้นสอนมาอย่างนี้หลวงพ่อว่ายังไง
请别问诸如“那位老师是这样教的,隆波您怎么认为?”
หนูไปเรียนมาจากวัดนี้หลวงพ่อจะว่ายังไง
或者“我去过那个寺庙学法,隆波您怎么看?”
ยังงั้นหลวงพ่อตอบไม่ได้นะ
诸如此类的隆波一律不答。
เสียมารยาท คล้าย ๆ ไปวิจารณ์ ลับหลังเค้าไม่ดี
否则有失体面,好像在背后议论别人什么的。
งั้นถ้าจะถามอะไร
若想和隆波互动,
ก็บอกว่า เราภาวนามายังไงมันเป็นยังไง ผลเป็นยังเงี้ยะ
请直接说自己如何修行、遇到什么问题,
ควรจะทำยังไงต่ออะไรก็ว่าไป อย่าไปอ้างอิง
接下来该如何应对等等?别去引用说别人是怎么教的。
บางทีบางที่บางคนไปอ้างว่าอาจารย์โน้นสอนมาอย่างงี้ หลวงพ่อฟัง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก
有些人说那个老师是这么教的,隆波听了,觉得不对。
อาจารย์เค้าไม่ได้สอนแบบนั้นนะ เราฟังมาไม่ดีเองนะ
事实上老师并没有那么教,是我们自己未能正确领会,
แล้วไปอ้างว่าอาจารย์บอกมาอย่างนั้นเสียอาจารย์ด้วย
却喜欢找借口去引用老师是怎么教的,冤枉了老师。
งั้นเราอย่าไปอ้างเลยนะ
因此别引用。
ยิ่งบางคนนะอ้างหลวงพ่อไปวัดอื่นก็อ้าง
更有甚者,去其他寺庙的时候引用隆波的教法,
หลวงพ่อปราโมทย์สอนมาอย่างงี้
“隆波帕默尊者是这么教的”,
หน้าตาไม่ได้รู้เรื่องที่หลวงพ่อสอนเลย
事实上,对隆波的教导一窍不通,
แล้วบอกหลวงพ่อสอนอย่างนั้นหลวงพ่อสอนอย่างนี้พูดเอาเองนะอันนี้ไม่ดี
却说隆波是那样教,这样教,自编自导,这样并不好。
งั้นเวลาส่งการบ้าน
因此大家报告进度时,
ก็อย่าอ้าง สำนักโน้น อาจารย์นี้อะไรอย่างเงี้ย
请勿引用“这个道场”、“那位老师”等,
เอาแต่ว่าเราภาวนาของเราเป็นยังไง
只说自己修行如何就行了。
ธรรมะจริง ๆ ไม่ใช่ของยากนะ ไม่ใช่เรื่องลึกลับซับซ้อนอะไรหรอก
实际上,法并不难,并非什么复杂晦涩的事。
เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะศึกษาธรรมะเพื่ออะไร
我们要先了解:学法是为了什么?
พอเรารู้ว่าเราจะทำเพื่ออะไร เราก็มาเรียนต่อว่าจะทำอย่างไร
等明白了为何而做,再来学习如何做。
แล้วสุดท้ายเมื่อเข้าใจวิธีปฏิบัตินะ
最后,我们会掌握修行的方法。
เราจะรู้เลย
我们会逐步明白——
ว่าเราจะทำอะไร จะทำเพื่ออะไร จะทำอย่างไร ทำแล้วมีผลอย่างไร
为何学法?如何学法?学法之后有何结果?
คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องที่ว่าให้ศรัทธาเลื่อนลอยเชื่อ ๆ ไปก่อน ไม่ใช่
佛陀的教导,并不是要让我们无缘无故去信仰。
ทุกขั้นทุกตอนของการปฏิบัติเนี่ยมีเหตุผลหมดเลยว่าทำไมต้องทำแบบนี้
修行的每个阶段,都是有理有据的——为何要这么做?
เนี่ยส่วนมากครูบาจารย์รุ่นก่อนท่านไม่สอน
以前祖师大德大多不教法,
คนรุ่นก่อนเนี่ยครูบาจารย์สั่งให้ทำอะไรก็ทำเลย
让弟子怎么修,弟子就怎么修。
ไม่สงสัยไม่ไปถาม ถึงสงสัยก็ไม่ถาม อาศัยศรัทธานำหน้า พากเพียร
弟子们也放下疑惑,什么都不问,只凭信仰去用功 。
อย่างครูบาจารย์สั่งให้พุทโธ
比如祖师大德让谁去念佛,
ก็พุทโธเอาเป็นเอาตายอยู่งั้นหลาย ๆ ปี
他就死心塌地的念上几年佛。
ท่านสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ไม่คิดมากเลย
老师让做什么,弟子就做什么,根本不会多想。
แต่ว่าคนรุ่นเรานิสัยใจคอไม่ได้เป็นอย่างงั้น
而我们这代人的性情并非那样。
พวกเราต้องชัดเจนว่าเราจะทำอะไร ทำเพื่ออะไร ทำอย่างไร
我们喜欢事先问清楚:要做什么?为什么做?怎么做?
ไม่งั้นไม่ทำหรอก
否则我们不会做的。
งั้นเวลาหลวงพ่อสอนเนี่ยจะสอนแจกแจงให้เรารู้เหตุรู้ผล
因此,隆波才会一开始就将修行的概貌图呈现给大家。
พอเรารู้เหตุรู้ผลแล้วการปฏิบัติจะไม่ใช่เรื่องยาก
当我们清楚了来龙去脉之后,就会明白修行并非难事。
เราอย่าไปนึกว่าการปฏิบัติธรรมนั้นยากเย็นแสนเข็ญอะไร
大家别以为修行难不可及,
จริง ๆ ไม่ยากอะไรเลย
事实上,修行并不难,
เป็นเรื่องง่าย ๆ เรื่องธรรมดา ๆ
修行是极为简单、平常的事。
การปฏิบัติธรรมมันก็เป็นแค่กระบวนการเรียนรู้อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
修行,仅仅只是一个学习的过程。
แต่ว่าเรียนรู้อะไร เรียนรู้ตัวเราเอง
学习什么?学习我们自己。
เรียนรู้ลงมาสิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็ คือ รูป นาม กาย ใจ อันนี้เอง
来学习称之为“自己”的——名与色、身与心而已。
มาเรียนรู้อยู่ที่กายที่ใจของเราให้มาก
多多学习自己的身与心。
เรียนรู้ไปเพื่ออะไร เพื่อวันนึงจะเห็นความจริงว่า
学习是为了什么?为了有一天能洞见真相。
ร่างกายเนี่ยในความเป็นจริงร่างกายเป็นของไม่เที่ยง
身的真相是:身体是无常的,
เป็นของที่เป็นความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
是苦——始终被痛苦逼迫着,
เป็นของที่บังคับไม่ได้
是无我的——不受我们控制。
จิตใจก็เป็นของไม่เที่ยง
心的真相是:心也是无常的,
เป็นทุกข์คือทนอยู่ในสภาวะอันใดอันหนึ่งนานๆ ไม่ได้
是苦——无法保持一种状态不变,
แล้วก็เป็นของที่บังคับไม่ได้สั่งไม่ได้
是无我的——无法控制、不受我们掌控。
อย่างสั่งให้สุขก็ไม่ได้ห้ามทุกข์ก็ไม่ได้
我们无法命令心快乐,也无法禁止它受苦,
สั่งให้ดีก็ไม่ได้ห้ามชั่วก็ไม่ได้
无法命令它好,也无法禁止它坏。
เนี่ยเราจะมาเรียนลงมในกายในใจเนี่ยแหละเพื่อให้เห็นความจริงของมัน
我们学习身与心,就是为了照见实相。
ความจริงของมันมีแต่ของไม่เที่ยง ความจริงของมันมีแต่ความทุกข์
身与心的实相——有的只是无常,只是苦,
ความจริงของมันมีแต่ของบังคับไม่ได้
只是无法控制,即无我。
เรียนเพื่อให้เห็นความจริงนะไม่ได้เรียนเพื่ออย่างอื่นเลย
学习是为了照见实相,而非其它。
งั้นตัวพระพุทธศาสนาตัวเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาเนี่ย
因此,什么是佛教真正的实质?
ถ้าใครเค้าถามเราว่า อะไรคือพระพุทธศาสนา
如果有人问,什么是佛教?
เราตอบให้เสียงดังๆ เลยด้วยความมั่นใจเลย ว่าตัวสัมมาทิฐิ
我们要斩钉截铁地回答:是“正见”。
ตัวความรู้ถูกความเข้าใจถูกนั่นแหละคือ ตัวพระพุทธศาสนา
正确无误的理解与明白,就是佛教的实质。
งั้นเราจะมาเรียนให้เกิดความรู้ถูกเข้าใจถูก
我们学习,就是为了正确的明白——
ร่างกายนี้จริงๆ เป็นอย่างไร
身体究竟是怎样的?
ต้องมาเรียนให้เห็นจริงๆ ร่างกายเป็นอย่างไร
我们需要通过学习身,看见它的实相。
จริงๆ จิตใจนี้เป็นอย่างไร
心究竟是如何的?
เรียนว่าจริงๆ เค้าเป็นยังไง
也需要通过学习心,看见心的真相。
ไม่ใช่ไปดัดแปลงเค้า
我们要照见身心的实相,而并非去改造它们。
พวกเราจำนวนมากเลย คนจำนวนมากพอคิดถึงการปฏิบัติธรรมเนี่ย
绝大多数人,只要一想到修行,
สิ่งแรกเลยที่จะทำคือบังคับกายบังคับใจ
第一件事就是改造与打压——
ไปดัดแปลงกายดัดแปลงใจ
改造身体、打压心。
แทนที่จะรู้ว่าเราต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
原本我们应该如实去观的,
ก็เริ่มต้นต้องบังคับกายบังคับใจก่อน
结果一开始就先改造身体、打压心。
อย่างเวลาเราคิดถึงการเดินจงกรมเราก็ต้องเริ่มวางฟอร์มใช่ม่ะ
比如,一想到经行,我们就开始摆姿势了,对吗?
ทำขรึมๆ เดิน มีท่าโน้นมีท่านี้ที่จะเดิน
一定要认真的走,一定要按这个姿势或那个节拍走,
พอวางท่าทางร่างกายเสร็จ เช่นเอามือวางเรียบร้อยละ
等到改造身体完毕,比如手要放得规规矩矩的。
ต่อไปก็ทำใจให้ขรึมๆ (หลวงพ่อทำท่าให้ดู)
接下来,就是打压心,一定要一丝不苟。
เนี่ยพอขรึมทั้งกายขรึมทั้งใจได้ที่แล้วก็หลงลงมือปฏิบัติ
要等到身与心都变得严肃拘谨之后,才动手修行。
อันเนี่ยเป็นการที่แทรกแซง แทรกแซงรูปนามกายใจละ
这属于干扰身与心(名与色) 。
เราไม่สามารถเห็นกายตามที่กายเป็นละ มันเป็นกายที่เราสร้างขึ้นมา
因为身体已经过了改造,所以我们无法如实照见身;
เราไม่เห็นจิตใจที่มันเป็นจริงๆ มันกลายเป็นจิตใจที่เราไปปรุงแต่งไปสร้างขึ้นมาเอง
因为心也已经过了装饰,所以我们无法如实照见心。
ให้นิ่งๆ เงียบๆ ขึ้นมา
看起来都静如止水。
เพราะเราไปดูของปลอมเราไม่ได้เห็นของจริงนะเราจะไปเห็นความจริงได้ยังไง
如果我们看到的是赝品, 怎么可能看到真相呢?
เพราะงั้นการที่จะมาเจริญปัญญาไม่มีอะไรมากหรอก
事实上,开发智慧没什么更多的了。
มาดูความจริงของกายมาดูความจริงของจิตใจให้มาก
就是频繁反复去看身与心的真相——
ร่างกายจริงๆ เป็นยังไงก็คอยรู้สึกไป แค่รู้สึกเท่านั้นเอง
身体是如何的,就只是感觉它。
จิตใจของเราเป็นยังไงก็แค่รู้สึกไป
心是如何的,也就只是感觉。
จิตใจมีความสุขก็รู้สึกอยู่ อ่อตอนนี้เค้ามีความสุข
心有快乐,知道现在它有快乐,
จิตใจมีความทุกข์ก็รู้ว่าตอนนี้เค้ามีความทุกข์
心有苦,觉知当下它有苦,
จิตใจมีโลภ มีโกรธ มีหลง ก็รู้ว่าตอนนี้จิตใจมันโลภ มันโกรธ มันหลง
心有贪、嗔、痴,知道当下心有贪、嗔、痴。
รู้อย่างที่มันเป็นไปเรื่อยนะ
持续的如其本来的去知道。
มันจะดีมันจะร้ายอะไรก็ได้นะ
心好也行、坏也行,什么都行,
ไม่ใช่ว่าต้องดี ไม่ใช่ว่าต้องสุข ไม่ใช่ว่าต้องสงบ
不是必须得好,必须快乐,必须宁静的。
เพราะว่าเราไม่ได้ปฏิบัติเอาดี เอาสุข เอาสงบ
修行不是为了得到好、快乐与宁静,
แต่เราปฏิบัติให้เห็นว่าทุกอย่างไม่คงที่
修行是为了——看见所有的一切都无法永恒,
ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับนะทุกอย่างบังคับไม่ได้
一切都即生即灭,一切都无法控制。
เราต้องการให้เห็นความจริงตรงนี้
我们需要洞见这样的真相。
ถ้าเราเห็นความจริงได้นะสิ่งที่จะตามมาก็คือ
如果能够照见真相,随之而来的则是——
การที่จิตใจนี้จะคลายความยึดถือในกายในใจในรูปนามนี้
心会松开对名与色(身与心)的执取。
มันเห็นความจริงแล้วร่างกายนี้ไม่ใช่ของดีของวิเศษ
当心看见身体的真相——并非什么殊胜的宝物,
ความรักใคร่หวงแหนยึดถือในร่างกายก็สลายตัวไป
心对于身体的爱惜与执取,就会销声匿迹。
ต่อไปร่างกายจะแก่จิตใจไม่หวั่นไหวยอมรับได้ร่างกายจะแก่
当身体变老,心就会没有动摇,愿意接受这个事实。
ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของดีของวิเศษ
因为身体不是“我”,并非奇珍异宝。
ร่างกายจะเจ็บมันก็เป็นส่วนของร่างกาย
身体生病是身体的事,
เจ็บมันไม่ใช่เราเจ็บ
生病的是身体,而不是“我”;
ร่างกายแก่มันก็ไม่ใช่เราแก่ ร่างกายตะหากที่แก่
身体老,老的是身体,不是“我”;
ร่างกายจะตายก็เป็นเรื่องของร่างกาย
身体消亡是身体的事,
จะตายไม่ใช่เราจะตาย
死去的是身体,而不是“我”。
เนี่ยถ้าฝึกมากเข้าๆ นะมันจะเห็นเลยว่าร่างกายเนี่ยมันไม่ใช่ตัวเรา
如果反复训练,就会看见:身体不是“我”。
มันจะแก่มันจะเจ็บ มันจะตาย จิตใจเราจะไม่หวั่นไหว
无论身体老、病、死,心都没有丝毫动摇,
มันจะมีความสุขความสงบอยู่ได้ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ร่างกายเนี่ยทุกข์ทรมาน
心会自始至终平静与快乐,即便身体极度痛苦。
ร่างกายของพระอรหันต์ ก็ทุกข์เหมือนร่างกายของที่เราทุกข์นั่นแหละนะ
阿罗汉的身体,与我们的身体一样,也会受苦,
แต่ว่าจิตของท่านไม่หวั่นไหว เพราะท่านเห็นความจริง
但他的心没有动摇,因为他看见真相,
ท่านไม่ยึดในร่างกาย
他不再执取身体。
ทางจิตใจก็เหมือนกัน
也不再执取心。
ถ้าเราภาวนาไม่เป็นนะ เราก็มุ่งทำยังไง
如果我们不会修行,会怎么做?
จิตใจจะมีความสุข มีความสงบมีความดี
就会希望心好、心有快乐和宁静。
แต่ถ้าเราหัดภาวนาถูกต้องตามหลักที่พระพุทธเจ้าสอน
而如果我们按照佛陀教导的原则正确修行,
เราก็จะเห็นเลย
就会照见——
ความสุขก็ไม่เที่ยง ความสงบก็ไม่เที่ยง ความดีก็ไม่เที่ยง
快乐是无常的,宁静是无常的,好也是无常的。
ทุกอย่างมีแต่ของไม่เที่ยง ทุกอย่างมีแต่ของชั่วคราว
一切都是无常的,一切都是临时的。
เนี่ยพอเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกมากเข้าๆ เนี่ยถึงจุดหนึ่งนะ
如果我们能够频繁的如此照见,当达到足够的量,
จิตจะยอมรับความจริง จิตใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา
心就会愿意接受实相——心不是“我”。
จิตใจนี้เป็นของไม่เที่ยง จิตใจนี้เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราหรอก
此心无常,此心即苦,此心非“我”。
มันหมดความยึดถือในจิตใจ
这样对心的执取就消失殆尽了。
ทุกวันนี้เรารักในจิตใจนะ เราเที่ยวดิ้นรนหาความสุข
我们如此珍爱这个心,
มาบำรุงบำเรอให้จิตใจมีความสุข
含辛茹苦的寻找快乐想让它开心,
กระทั่งนั่งสมาธิเดินจงกรมอะไรก็หวังว่าจะมีความสุข
即便打坐、经行等,也是希望它能快乐,
ทำอะไรทุกอย่างก็เพื่อจะบำรุงบำเรอให้จิตใจมันมีความสุข ยิ่งสุขถาวรได้ยิ่งดี
我们所做的一切都是希望心有快乐,且越久越好。
อย่างนั่งสมาธิจิตทรงฌานเลยเนี่ยมีความสุขอยู่นาน
比如,打坐进入禅定,会有持久的快乐,
ถ้าตายแล้วเป็นพรหม
如果死后投生成为梵天,
ก็มีความสุขอยู่เป็นกัปป์ ๆ นะ
快乐会持续宇宙生灭好几个周期,
นานมากจนโลกแตกแล้วแตกอีก ก็ยังมีความสุขอยู่
久到世界破碎了再破碎也依然存在。
แต่ว่าสุดท้ายมันก็ยังตกอยู่ใต้ความไม่เที่ยง ความแปรปรวนอีก
而最终,这快乐依然是无常的,它同样有变化的一天。
และถ้าเราเมื่อไหร่เราเห็นความจริงนะ
如果我们能够看见实相:
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในใจเราเป็นของชั่วคราว
生命中发生的一切都是临时的,
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในใจเราเราเลือกไม่ได้
一切都无法选择。
ถ้าเห็นอย่างนี้มากเข้าๆ นานไปจิตมันจะหมดความยึดถือจิต
若能足够的照见这些,久而久之,心将不再执取心。
จิตจะสุขก็ไม่หลงยินดี
心快乐,也不会迷失去满意;
จิตจะทุกข์ก็ไม่หลงยินร้ายนะ
心痛苦,也不会迷失去不满意。
จิตจะดีก็ไม่หลงยินดี
心造作好,不会迷失去满意,
จิตจะมีความไม่ดีปรุงขึ้นมาก็ไม่หลงยินร้าย
心造作不好,也不会迷失去不满意。
แต่มันจะครอบงำจิตไม่ได้
但是所有造作无法控制心,
มันจะเห็นความปรุงแต่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปๆ
心会看见演绎造作生起然后灭去。
จิตจะเป็นอิสระจากอารมณ์นะ จิตจะเป็นอิสระมากขึ้นๆ
心会从所缘里解脱出来,会越来越自由。
เบื้องต้นมันจะเป็นอิสระจากอารมณ์ก่อน
起步阶段,心会先从所缘中解放出来,
ต่อมามันเป็นอิสระจากร่างกาย
接下来,心会从身体脱身而出,
ต่อมามันเป็นอิสระจากตัวมันเอง ตัวจิต
最后,心会从心自身解脱出来。
เนี่ยเราค่อยฝึกนะจิตจะค่อยหลุดพ้นออกไปปล่อยออกไปเรื่อย
逐步训练,心将会有次第的获得释放与自由。
เบื้องต้นปล่อยอารมณ์ก่อน
初级阶段,心会先放下所缘。
อย่างพวกเราถ้าภาวนากับหลวงพ่อมาช่วงหนึ่ง
比如大家跟隆波学习一段时间,
เราจะไปรู้จักสภาวะที่จิตเข้าไปจับอารมณ์
就会看到心跳进去抓取所缘的境界。
ใครเคยเห็นจิตเข้าไปจับอารมณ์ได้บ้าง แล้วมันปล่อยของมันได้เป็นคราวๆ
谁偶尔可以看见心抓取所缘,然后又放下所缘的?
ใครเคยเห็นตัวนี้ยกมือให้หลวงพ่อดูสิ ยกมือหน่อย กล้าหาญหน่อย
谁曾经看见过?举手让隆波看看,大胆点。
ถ้าฝึกนะแค่เห็นจิตที่ปล่อยอารมณ์ได้รู้สึกมั้ยมีความสุข
训练之后,仅仅看到心放下所缘,就会有快乐,
มีความสุขมหาศาลเลย
非常多的快乐。
จิตเข้าไปจับอารมณ์นะจะมีความทุกข์
心执取所缘,就会有苦。
ถึงจะเป็นอารมณ์ที่ดีนะถ้าเข้าไปยึดถือก็ยังทุกข์อยู่
即便是执取好的所缘,也依然是苦。
ถ้าปล่อยออกไปได้ไม่ทุกข์นะ
如果能放下所缘,就不会苦。
เนี่ยแค่จับอารมณ์แล้วปล่อยอารมณ์
只是抓起所缘然后放下它,
เรายังเห็นคุณค่าของการปฏิบัติเลย
就可以品尝到修行的益处了。
ถ้ามันปล่อยอารมณ์ได้จิตมีความสุขขึ้นตั้งเยอะ
如果能够放下所缘,心就已经非常快乐了。
ถ้ามันปล่อยกายได้อันเนี่ยเป็นภูมิธรรมของพระอนาคามี
若能放下对身体的执取,这是三果阿那含的境界,
มันปล่อยกายได้มันไม่ยึดกาย
心能放下身体,不再执取身体。
พวกเราที่อยู่ในห้องเนี้ยคงยังทำไม่ถึงอย่างมากก็แค่ปล่อยอารมณ์นะ
这个禅堂里尚无人能抵达这样的境界,最多是放下所缘。
ปล่อยอารมณ์เป็นของไม่ยากอะไรปุถุชนก็ทำได้
放下所缘并非难事,凡夫也能做到。
ถ้ารู้หลักคือฝึกจนกระทั่งจิตมันตั้งมั่นมาเป็นคนดู
如果知道原则,就能通过修行让心安住成为观者。
มันเห็นเลยร่างกายไม่ใช่จิตหรอกร่างกายเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
就会看见身体不是心,只是被心觉知的对象,
ความสุขความทุกข์ไม่ใช่จิตเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
苦乐不是心,只是被心觉知的对象,
กุศลอกุศลทั้งหลายไม่ใช่จิตเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
所有的善与不善都不是心,只是被心觉知的对象,
ถ้าเห็นอย่างนี้นะ จิตมันจะแยกออกจากอารมณ์
若能如此照见,心就会与所缘分离。
รูปทั้งหลายก็ไม่ใช่จิตเป็นสิ่งที่จิตไปรู้
所有的色都不是心,只是被心觉知的对象,
เสียงทั้งหลายก็ไม่ใช่จิตเป็นสิ่งที่จิตไปรู้
所有的音声也非心,只是被心觉知的对象,
ธรรมารมณ์เรื่องราวที่คิดทั้งหลายไม่ใช่จิตเป็นสิ่งที่จิตไปรู้
一切所思所想,也不是心,只是被心觉知的对象。
ถ้าเห็นอย่างเนี่ยนะจิตมันจะถอดตัวออกมาถอยตัวออกมาเป็นคนรู้
若能如此照见,心就会抽身而出成为观者。
อารมณ์ก็อยู่ส่วนอารมณ์ จิตก็อยู่ส่วนจิต
所缘是所缘,心是心。
เนี่ยบางคนภาวนามาถึงตรงนี้ก็พอใจนะ
有些人修行到此便满足了,
เนี่ยคิดว่าตรงเนี้ยแหละที่ฝากเป็นฝากตาย
以为这就是了脱生死之处。
จริงๆ ก็เป็นแค่ทางผ่านเป็นจุดเบื้องต้นเท่านั้นเอง
事实上,这仅只是起步阶段的风景。
ยังไม่ได้ธรรมะเลย
根本还未见法。
ถ้าได้ธรรมะนะก็จะเห็นเลยว่ามีแต่สภาวะธรรมล้วนๆ
如果见法,就会处于纯纯粹粹的法的状态——
ไม่มีตัวเรา ตัวเราไม่มี มีแต่รูปธรรมมีแต่นามธรรม
没有“我”,“我”不存在,有的只是色法与名法。
ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีเรา ไม่มีเขานะ
无人、无众生、无我、无他,
เห็นอย่างนี้ได้พระโสดาฯ
若这样照见,就会体证初果须陀洹。
ภาวนาต่อไปจนเห็นเลยว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ นะ
继续修行,直到照见——此身是纯粹的苦。
จิตหมดความยึดถือในร่างกาย หมดความยึดถือในรูป ในเสียง ในรส ในกลิ่น ในสัมผัสทางกายด้วย
心将不再执着身体,不再执取色、声、香、味、触。
อันนั้นเป็นภูมิธรรมของพระอนาคามี จิตมันจะย้อนทิ้งกายนะ
那是属于三果阿那含的境界,心会愿意扔下身体,
มันจะย้อนเข้ามาตั้งมั่นอยู่ที่จิต
而返回来安住于心,
จิตจะทรงตัวเด่นดวงอยู่งั้นอ่ะทั้งวันทั้งคืนนะโดยไม่ต้องรักษา
整日整夜的独立凸显,无需任何呵护。
คิดดูสิถ้าจิตทรงตัวอยู่ทรงสมาธิอยู่ได้อย่างงั้นนะ
试想,如果心能够保持这样的禅定,
ไม่ไหลไปทางตาหูจมูกลิ้นกาย
不再跑去眼、耳、鼻、舌、身,
จะมีความสุขขนาดไหน
将会快乐到何种程度?
บรรดารูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกายเรียกกามคุณอารมณ์นะ
色、声、香、味、触,被称为“五欲功德之所缘”,
จิตพระอนาคามีเนี่ยไม่ไหลไปหากามคุณอารมณ์
阿那含的心不再去追寻五欲功德之所缘,
ทรงตัวเด่นดวงทรงสมาธิโดยไม่ต้องรักษา
心不用任何呵护而独立凸显的保持禅定,
เนี่ยมันมีความสุขกว่ากันเยอะเลย
它的快乐如泉涌。
หลวงปู่ดูลย์ท่านสั่งหลวงพ่อเลยตอนนั้นหลวงพ่อไปกราบท่านครั้งสุดท้าย
最后一次顶礼隆布敦长老,那时长老叮嘱隆波,
ประมาณเดือนกันยาฯ ปี2526 ท่านก็สอนบอกว่า
大约是1983年9月,长老开示说,
การปฏิบัตินะขั้นสุดท้ายเนี่ย พบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้
“最后阶段的修行,见到知者要消灭知者,
พบจิตให้ทำลายจิต
遇到心要消灭心。
จึงจะถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
这样才能抵达真正的纯净无染。”
ท่านบอกเลยว่านักปฏิบัติที่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังอะไรเนี่ย
长老接着说,那些声名显赫的高僧大德,
ที่ผ่านจุดนี้ได้มีน้อยเต็มทีเลย
能够通过这关的微乎其微,
ส่วนมากเนี่ยจะไปเป็นพรหม เป็นผีใหญ่
绝大部分都去梵天成为了“大鬼”。
ท่านเรียกผีใหญ่ เป็นพรหม
长老称梵天神为“大鬼”,
อย่างมากก็แค่ไม่ยึดกายแต่ยังยึดจิตอยู่
最多是不再执着身体,但依然执着心。
เนี่ยขั้นสุดท้ายของการปฏิบัตินั้นจะมาปล่อยวางความยึดถือจิตลงไป
最后阶段的修行,是要放下对心的执取。
จิตตัวกระทั่งตัวมันเองยังไม่ยึดนะ
心一旦连自己都不再执着,
จะมีสภาวะธรรมอีกชนิดนึงเกิดขึ้น
就会生起另外一种法的境界——
เนี่ยเป็นธรรมล้วนๆ คราวเนี่ยจิตกับธรรมจะเป็นอันเดียวกันล้วน ๆ เลย
是纯粹的法,心与法变成了纯粹的“一”。
จิตกับธรรมจิตมันทรงธรรมอยู่นะ เป็นความสุขที่ไม่มีอะไรเหมือน
心有法,拥有无与伦比的快乐,
ธรรมตัวนั้นอ่ะคือพระนิพพาน
那个法,即是涅槃!
เนี่ยก่อนที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้
在我们能够抵此之前,
เบื้องต้นเราต้องเป็นพระโสดาฯก่อน
起步阶段,必须先体证初果须陀洹。
พระโสดาบันเนี่ยคือท่านผู้มีปัญญาเห็นความจริงว่า
须陀洹圣者有智慧照见实相——
ตัวเราไม่มี คนไม่มี สัตว์ไม่มี เราไม่มี เขาไม่มี มีแต่อะไร
无我, 无人,无众生,无他,那有什么?
มีแต่สภาวธรรม สภาวธรรมก็คือมีแต่รูปธรรมมีแต่นามธรรม
有的只是真实法,有的只是色法与名法。
อย่างพวกเราเป็นปุถุชน เราเห็นร่างกายเราก็รู้สึกว่าร่างกายนี้เป็นตัวเรา
比如,凡夫看见身体,觉得身体是“我”,
ร่างกายนี้เป็นคน ร่างกายนี้เป็นผู้หญิง เป็นผู้ชาย เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นคนแก่นะ
身体是人,男人、女人、孩子、大人、老人,
มีคนมีอะไรขึ้นมาจริงๆ
会觉得真的有人存在、真的有什么。
แต่พระโสดาบันเห็นว่าร่างกายนี้เป็นสักว่ารูปเท่านั้นเอง
而对于须陀洹圣者而言,身体就只是色而已,
เป็นธาตุเป็นวัตถุ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออกตลอดเวลา
只是物质元素,始终不停地有元素在体内进进出出,
เพราะงั้นถ้าธาตุมันจะแตกธาตุมันจะดับก็เป็นเรื่องของธาตุจะแตกจะดับไม่ใช่เราแตกเราดับ
如果身体消散,也只是元素消散,而不是“我”消散。
เนี่ยปุถุชนจะเห็นว่าร่างกายนี้เป็นตัวเรา พระโสดาบันไม่เห็นว่าเป็นตัวเราละ
凡夫认为身体是“我”,须陀洹圣者则不认为是“我”,
พระโสดาบันท่านล้างความเห็นผิดว่าขันธ์ห้า เป็นตัวเป็นตนได้
须陀洹圣者能够清除五蕴是“我”的邪见。
งั้นเราต้องมาฝึกจิตฝึกใจนะ
因此,我们要来训练自己的心,
ให้มันเห็นความจริงซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
让它反复不断的去看——
ขันธ์ห้าหรือรูปนามกายใจเนี่ย ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา
五蕴或名色,不是我,不是我的,不是人、不是众生。
ถ้าเราเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก
如果我们反复持续去看,
ถึงจุดหนึ่งจิตยอมรับความจริง
当达到足够多的量,心会愿意接受实相。
จิตยอมรับความว่าเมื่อไหร่ว่าตัวเราไม่มี
心何时愿意接受实相——“我”不存在,
มีแต่ว่าสภาวธรรมของรูปธรรมนามธรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป
有的只是色法、名法生起而后灭去。
สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับนะจะเห็นอยู่อย่างนี้
心就会照见:任何生起的必然灭去。
ใจยอมรับตรงนี้ได้ก็เป็นพระโสดาบัน
当心能够接受这样的实相,就会体证初果须陀洹。
หัดภาวนาใหม่ๆ บางทีก็เห็นแต่
修行初期阶段,有时也会看见,
ใจยังยอมรับไม่ได้นะ ใจจะสะทกสะท้านหวั่นไหวขึ้นมา
但心还无法接受,就会胆战心惊。
อย่างภาวนาไปเริ่มเห็น บางคนนะนั่งเดินอยู่หรือแปรงฟันอยู่นะ
มาเล่าเรื่อยๆ เรื่องแปรงฟันเนี้ย ตอนแปรงฟันไม่ได้ทำเรื่องอื่นนี่
比如,修行后,有很多人分享说,当他们在刷牙时——
ว่างๆ ใช่มะ แปรงฟันแล้วเคยฝึกเจริญสติเคยฝึกให้จิตตั้งมั่นอยู่
因为曾经有发展觉性、训练让心安住,
แปรงฟันๆ ไปนะ จิตมันถอยตัวออกมาเป็นคนดูปุ๊บมันเห็นเลย
刷着、刷着,心抽身出来成为观者,马上看见——
ไอ้ตัวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เนี่ยมันไม่ใช่ตัวเราละเป็นแค่วัตถุเป็นก้อนอะไรเนี่ย
正在活动的这个不是“我”,只是一堆物质元素,
เห็นอย่างนี้แทนที่จะได้มรรคได้ผลนะยัง
这样照见,原本该证得道果的,结果没有。
เห็นทีแรกตกใจ
第一次看见,吓一跳!
ว่าตัวเราหายไป ตายละ
“我”消失了!完了!
ไอ้นี่ไม่ใช่ตัวเราละกลายเป็นท่อนๆ เห็นแขนตัวเองเป็นท่อนๆ
这个不是“我”,他看见胳膊变成一节一节,
มันเป็นวัตถุไม่ใช่ตัวเราละ
它们是物质元素,不是“我”。
ตกอกตกใจนะ ทุกข์ร้อนขึ้นมา หวั่นไหวขึ้นมา
心吓了一跳,苦了起来,颤栗起来。
อันเนี่ยเป็นธรรมดาเห็นทีแรกตกใจแทบทุกคน
这很正常。几乎每个人第一次见到都会害怕。
หรือว่าหวั่นไหวแทบทุกคนแหละ ต้องเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อยๆ
几乎每个人都会动摇,我们需要持续不断的反复去看,
สุดท้ายใจมันก็ยอมรับความจริง
最后心才愿意接受实相——
กายนี้ไม่ใช่เราใจนี้ไม่ใช่เรา
此身非“我”,此心非“我”,
ตัวเราไม่มี
“我”不存在。
เนี่ยจุดแรกที่พวกเราต้องมาให้ได้คือภาวนาจนกระทั่งเห็นว่าตัวเราไม่มี
修行需要到达的第一阶段,就是看见“我”不存在,
รูปธรรมนามธรรมเนี่ยมีอยู่แต่ไม่ใช่ตัวเรา
色法、名法存在,但不是“我”。
ทำอย่างไรเราจะสามารถเห็นได้
如何做,才能如此照见?
พาให้จิตเรียนรู้ได้ พาให้จิตเห็นได้ว่าตัวเราไม่มีนะ
能够让心了知 “我”不存在?
จิตจะเห็นได้เนี่ยจะต้องมีเครื่องมือสองตัว
心要想能够如此照见,必须具备两个工具:
ตัวที่หนึ่งคือ สติ
第一个,觉性。
สติเป็นตัวรู้ทันความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของกายของใจ
觉性能及时知道身心的变化。
ตัวที่สองคือ สมาธิที่ถูกต้องหรือสัมมาสมาธิ
第二个,正确的禅定,即正定。
สมาธิมีหลายชนิดนะ
禅定有几种,
สมาธิส่วนใหญ่ที่เค้าทำกันมันเป็นมิจฉาสมาธิ
大家修习的禅定,绝大部分属于邪定,
เป็นสมาธิที่จิตไหลไปนิ่งสงบอยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้นเอง
心只是往外送,宁静在单一所缘而已,
ไม่มีความตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
心并未安住成为知者、觉醒者、喜悦者。
ถ้าเราไปดูพจนานุกรมคำว่าสมาธิเค้าจะแปลว่าความตั้งมั่น
如果我们查字典——“禅定”的定义是安住。
ในขณะที่ใจของเราคิดถึงสมาธิที่ไร คิดถึงแต่ความสงบทุกทีเลย
而当我们想到禅定,只会想到宁静。
สงบกับตั้งมั่นคนละอันกันนะแต่ในความตั้งมั่นมีความสงบ
宁静与安住是两回事。安住中包含宁静,
ในความสงบอาจจะไม่มีความตั้งมั่นก็ได้
而宁静中也许并没有安住。
จิตไหลไปนิ่งอยู่ที่ลมหายใจ เนี่ยจิตไปนิ่งอยู่ที่ลมหายใจจิตไม่ตั้งมั่นเป็นคนดู
心跑去停驻在呼吸上,却没有安住成为观者。
ถ้าจิตตั้งมั่นจะเห็นว่าร่างกายที่หายใจก็เป็นอันนึง
如果心安住,就会看见呼吸的身体是一个部分,
จิตที่เป็นคนดูก็เป็นอีกอันนึงนะ
观者的心是另外一个部分。
ส่วนใหญ่ที่ฝึกกันนะจิตมันจะไหลเข้าไป
而绝大部分修行人,都是心跳了进去:
รู้ลมหายใจจิตไหลไปจับลมหายใจ
觉知呼吸,心就跑去抓住呼吸;
ดูท้องพองยุบจิตไหลไปอยู่ที่ท้อง
观腹部起伏,心就跑去黏着腹部;
เดินจงกรมจิตไหลไปอยู่ที่เท้า
经行时,心跑去跟脚在一起;
ขยับมือจิตไหลไปอยู่ในมือ
做手部动作,心抓住手。
หรือไม่ก็ไหลไปคิดเรื่องอื่นไปเลย
要不就干脆跑去想别的事了。
ถ้าไหลไปคิดเรื่องอื่นไปเลยเนี่ยฟุ้งซ่าน
如果心跑去想别的事,就是散乱。
ถ้าไหลไปนิ่งอยู่ในอารมณ์อันเดียวเนี่ยเป็นการทำสมถ
如果跑去跟单一的所缘在一起,属于修习奢摩他,
เพ่งนิ่งๆ อยู่ไม่เกิดปัญญา
紧盯专注,而后静如止水,并不会生起智慧。
งั้นสมาธิที่จะให้เกิดปัญญาเป็นอีกแบบหนึ่งนะ
能让智慧生起的禅定是另外一种,
จิตจะต้องถอยออกมาเป็นคนดูให้ได้
心一定要能够抽身出来成为观者。
สมัยก่อนซักสามสิบปีก่อนตระเวนเข้าวัดครูบาอาจารย์
三四十年以前,隆波去高僧大德的寺庙游学参访。
เข้าวัดไหนๆ ท่านพูดคำว่าจิตผู้รู้นะ
无论去到哪里,他们都会讲到“知者的心”。
จิตผู้รู้ๆ จิตทำไมเป็นผู้รู้ ก็จิตนั่นแหละเป็นผู้รู้
知者的心——为什么心会成为知者?
แต่เราแทนที่จะให้จิตเป็นผู้รู้นะ
我们原本应该让心成为知者,
เราก็เอาจิตเป็นผู้คิดผู้นึกผู้ปรุงผู้แต่งอุตลุดเลย
结果却一味的让心成为思想者、造作者。
จิตไม่ได้เป็นผู้รู้สักที
心从未成为知者。
งั้นท่านเน้นท่านย้ำมากเลยว่า
因此佛陀特别强调,
ต้องฝึกสมาธิจนกระทั่งจิตเป็นผู้รู้ขึ้นมา
要训练禅定直到心成为知者。
งั้นเมื่อไรเรามีจิตเป็นผู้รู้คือจิตตั้งมั่นเป็นคนดูได้นะ
何时心成为知者,也就是心安住成为观者,
สติระลึกรู้รูปธรรม มันจะเห็นทันทีรูปธรรมนั้นไม่ใช่จิตหรอก
觉知色法,就会马上照见色法不是心,
รูปธรรมไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
色法也不是“我”,只是被心觉知的对象。
ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้อยู่ สติระลึกรู้นามธรรม
如果心安住成为知者,觉知名法,
เช่นรู้ความสุขความทุกข์ รู้ความโลภความโกรธความหลง
觉知苦、乐、好、坏、贪、嗔、痴,
จะเกิดปัญญาในขณะนั้นเลย
智慧就会生起,照见——
เห็นเลยว่าสุขทุกข์ดีชั่วทั้งหลายนั้นไม่ใช่ตัวเรานะ ไม่ใช่จิตด้วย
所有苦、乐、好、坏,都不是“我”, 也不是心。
เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้าไม่ใช่ตัวเราหรอก
它们只是被心觉知的对象,而不是“我”,
เป็นสภาวธรรม ที่มาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป
只是来了就走、来了就走的境界。
เนี่ยก่อนที่จะเดินปัญญาได้เราต้องมาพัฒนาเครื่องมือ 2 ตัว
在能够开智慧前,我们需要具备的两个工具:
คือ สติ กับ สัมมาสมาธิ สมาธิที่ถูกต้อง
觉性,以及正定——正确的禅定。
ถ้าจะเรียกให้ถูก ก็ยังไม่เรียกว่าสัมมาสมาธิหรอกนะ
如果要精确的定义,还不能称为“正定”,
สัมมาสมาธิจะเกิดตอนที่เกิดอริยะมรรค
正定只会在圣道生起的时候生起。
อันนี้เรียกโดยอนุโลมเท่านั้นเอง
这里的“正定”只是一种近似的说法。
ถ้าจะเรียกให้ถูกภาษาจริงๆ นั้น ก็คือต้องฝึกให้ได้ลักขณูปนิชฌาน ฌาน
若要精准的称呼,是需要通过训练得到观禅,
คือสมาธิชนิดที่สามารถเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามได้นะ
是能够看见名色三法印的禅定。
ไม่ใช่อารัมมณูปนิชฌาน จิตสงบเพ่งอารมณ์อันเดียวนะ
而不是止禅——心宁静、紧盯在单一的所缘。
ส่วนใหญ่ที่ทำกันไปติดอยู่ในอารมณ์อันเดียว
绝大部分修行人会粘着在单一所缘上:
ดูท้องพองยุบ ก็เพ่งท้อง
观腹部起伏,就紧盯腹部;
หายใจก็เพ่งลมหายใจ
观呼吸就紧盯呼吸;
เดินจงกรมก็เพ่งร่างกายทั้งร่างกายไม่ก็เพ่งเท้า
经行就紧盯全身或者脚。
ส่วนใหญ่ทำไมเป็น อาภัพมากเลยนักปฏิบัติเรานะ
绝大部分人会进入误区。
ลำบากแทบเป็นแทบตายนะ
我们一路走来,坎坎坷坷,
แต่ว่าสมาธิไม่ถูกต้อง ปัญญาไม่เกิดหรอก
修习的禅定不正确,智慧未能生起。
งั้นต้องมาฝึกให้ได้สติที่ถูกต้อง ฝึกให้ได้สมาธิที่ถูกต้อง
因此,必须得到正确的觉性和禅定,
สองอันนะที่เราจะต้องฝึกให้มีขึ้นมา ให้ชำนิชำนาญ
它们是通过训练才会生起的,要训练至驾轻就熟。
สติจะฝึกได้ยังไง สมาธิจะฝึกได้ยังไง
觉性要如何训练?禅定要如何训练?
ถ้าฝึกได้สองตัวนี้แล้วนะ
如果已经通过训练获得了这两者,
ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีปัญญา
则无需担心没有智慧。
ปัญญาคือการเห็นรูปนาม เห็นกายเห็นใจ เป็นไตรลักษณ์
智慧,就是照见名色(身心)的三法印,
นั้นจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเลยนะ
它将自动生起。
งั้นอันแรกฝึกให้มีสติ
我们要首先训练觉性。
ปกติเนี่ยจิตของเรามันจะลืมตัวเองตลอด
平常状态下,心总是忘记自己,
มันจะล่องลอยหนีไปคิดเรื่องโน้น หนีไปคิดเรื่องนี้
它走神跑去想那个、想这个。
ตั้งแต่ตื่นจนหลับนะ ถ้าจะเอาเข้าจริงตั้งแต่เกิดจนตาย
从醒来到睡着,事实上是从出生到死亡,
วันเวลาที่เราจะรู้สึกอยู่ในกายรู้สึกอยู่ในใจเนี่ยมีน้อยเต็มที
我们觉知身心的时间微乎其微,
วันเวลาที่เราลืมกายลืมใจ หลงไปที่อื่นเนี่ยมีมากนับไม่ถ้วนเลยนะ
忘记身心、走神迷失却多到不计其数。
อย่างเราตั้งแต่ตื่นนอน สังเกตมั้ยตั้งแต่ตื่นนอนเรารู้สึกกาย รู้สึกใจ ซักกี่ครั้งกี่นาที
从早到晚,我们觉知身、觉知心有多少次?多久?
ในเวลาที่เราหลงไปคิดเรื่องอื่นนั้นมันมากมายมหาศาลขนาดไหน
迷失去想别的事情,有多少次?多到什么程度?
เนี่ยปกติเนี่ยจิตมันจะล่องลอยนะมันจะเลื่อนลอยไป
分心走神,是心的自然状态。
เรามีร่างกายเราก็ลืมมัน เรามีจิตใจเราก็ลืมมันเมื่อไหร่มีกายก็ลืม เมื่อไหร่มีใจก็ลืม
有身忘记身,有心忘记心。
ใจเป็นสุขก็ไม่รู้ ใจเป็นทุกข์ก็ไม่รู้
心快乐不知道,心痛苦也不知道。
ใจดีก็ไม่รู้ ใจโลภ ใจโกรธ ใจหลงก็ไม่รู้
心好也不知道,贪、嗔、痴生起,也不知道。
ตรงที่เราลืมกายลืมใจของเราเองนี่แหละ เรียกว่าขาดสติ
忘记身、忘记心,称为“缺乏觉性”。
เมื่อนั้นเราต้องพยายามมาฝึกให้มีสติคือรู้สึกกาย รู้สึกใจ
所以我们要努力训练,有觉性的觉知身体、觉知心,
แค่รู้สึกนะอย่าเพ่ง แค่รู้สึก
就只是感觉。别紧盯,就只是感觉。
ถ้าเมื่อไรลืมกายลืมใจอันเนี้ย หย่อนเกินไป
何时忘记身体、忘记心,这个太松了;
ถ้าเมื่อไรกลัวจะลืมกายลืมใจ เราก็จ้องนะเคร่งเครียดในการจ้องกายจ้องใจของตัวเอง
若因害怕忘记身心而紧盯专注身心,则太紧了。
อันเนี้ยตึงเกินไปไม่ใช่ทางสายกลาง
太松和太紧均非中道。
ทางสายกลางนะแค่รู้สึกเท่านั้นเอง
中道——就只是感觉而已。
มีร่างกายอยู่ก็แค่รู้สึกถึงร่างกายไม่ลืมมัน แต่ว่าไม่ได้นั่งเพ่งไว้นะ
有身体存在,就只是感觉身体,别忘记,也别紧盯;
มีจิตใจก็แค่รู้สึกถึงจิตใจ
有心,就只是感觉到心。
จิตใจเป็นสุขก็รู้สึกนะว่าอ้อมันมีความสุขขึ้นมา
心有快乐,就只是感觉它有快乐,
แค่รู้นะอย่าไปเพ่ง
就只是知道,别紧盯。
ถ้าใจลอยไปมีความสุขก็ไม่รู้
如果心走神,就会快乐生起不知道,
มีความทุกข์ก็ไม่รู้
痛苦生起也不知道,
มีกุศลอกุศลไม่รู้นะ
善和不善生起,都不知道。
แต่ถ้าเพ่งเอาไว้ รู้นะ
如果紧盯专注,虽然在觉知,
แต่ทื่อ ๆ แข็งทื่อ หนักแน่น แข็งซึมทื่อไป
却僵硬、迟钝、沉重、昏沉。
มันสุดโต่งไปข้างเพ่งข้างบังคับก็ใช้ไม่ได้
紧盯打压的极端之路不可行,
ลืมกายลืมใจก็ใช้ไม่ได้
忘记身心的极端之路亦然。
เพ่งกายเพ่งใจก็ใช้ไม่ได้ ลืมกายลืมใจก็เป็น กามสุขัลลิกานุโยค ตามใจกิเลส
忘记身心属于欲贪行,随顺烦恼习气。
เพ่งกายเพ่งใจก็ทำกายให้ลำบากทำใจให้ลำบาก
而紧盯身心,是让身心受苦的苦行。
ร่างกายก็แข็งใจก็แข็งนะก็ใช้ไม่ได้
身体僵硬,心也僵硬,这条路行不通。
เราจะต้องมาฝึกแค่รู้สึกนะ
我们要训练——就只是感觉。
มีร่างกาย ร่างกายเคลื่อนไหวรู้สึก จิตใจเคลื่อนไหวรู้สึก
身体移动,感觉;心跑动,感觉。
เอาแค่รู้สึก
要的就只是感觉。
ลองพยักหน้าสิ ลองพยักหน้า แค่รู้สึก แค่รู้สึก
试着点头,就只是感觉。
ถ้าเพ่งจะเป็นงี้(หลวงพ่อทำท่าให้ดู)
如果紧盯,就会是这样。
ถ้าใจลอย อะไรก็ได้ โทรศัพท์ไปดูคนตอนโทรศัพท์นะแหละ
如果心走神,比如那些打电话的人,
ตอนนั้นแหละกำลังขาดสติร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ
打电话时,几乎是百分之百缺乏觉性。
เวลาโทรศัพท์อ่ะสังเกตให้ดี พอจะนึกออกมั้ย
有仔细观察过吗?能体会吗?
อย่าให้พลาดไปสองอันนะ อันนึงลืมกายลืมใจอันนี้ย่อหย่อนเกินไป
别走到两个极端:第一个,忘记身心,这个太松;
อันนึงเพ่งกายเพ่งใจอันนี้ตึงเกินไป
另一个,紧盯身心,这个太紧。
ทางสายกลางแค่รู้สึก
中道,就只是感觉。
เราต้องมาซ้อมนะ ต้องซ้อม
我们要训练,一定得训练。
เบื้องต้นทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่งก่อน
先修习一种禅法:
ใครเคยพุทโธก็หัดพุทโธ
谁曾经念佛,就念佛;
ใครเคยรู้ลมหายใจก็รู้ลมหายใจ
谁曾经觉知呼吸,就觉知呼吸;
ใครเคยดูท้องพองยุบก็ดูท้องพองยุบนะ
谁曾经观腹部起伏,就观腹部起伏;
ใครจะขยับมืออย่างหลวงพ่อเทียนก็ขยับมือ
谁曾经练习隆波田手部动作,就做手部动作。
ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วคอยรู้ทันจิตไว้
修习任何一种禅法,去及时的知道心。
ทำกรรมฐานนะแค่รู้สึก
修行——就只是感觉。
ถ้าขยับมือนะก็แค่รู้สึก
若做手部动作,就只是感觉,
เห็นร่างกายมันเคลื่อนไหวนะเราก็แค่รู้สึกอยู่ เวลาใจลอย
看见身体移动,就只是知道。
สมมุติเราหัดขยับแล้วก็รู้สึกหัดขยับแล้วรู้สึกนะ
假设练习手部动作,就只是感觉——动了感觉。
ต่อมาเราใจลอย พอร่างกายมันขยับตัว
如果心走神,只要身体移动,
มันจะรู้สึกโดยไม่ได้เจตนาจะรู้สึกนะ
就会没有任何刻意的感觉到,
มันจะรู้สึกโดยไม่เจตนาจะรู้สึก
没有任何刻意,就能够感觉。
หรืออย่างเราหัดหายใจ หายใจออกคอยรู้สึกตัว หายใจเข้าคอยรู้สึกตัว
或者训练观呼吸,呼气觉知自己,吸气觉知自己,
ไม่เพ่งนะเอาแค่รู้สึก แล้วก็ไม่เผลอ
没有紧盯,就只是觉知,而且不走神。
หายใจออกรู้สึกตัว หายใจเข้ารู้สึกตัว
呼气觉知自己,吸气觉知自己,
ยืนเดินนั่งนอนคอยรู้สึกตัว
行住坐卧觉知自己。
แค่คอยรู้สึก คอยรู้สึกนะ
就只是觉知自己,不断觉知。
ต่อมาเนี่ยพอเราขาดสติเราเผลอ
接下来,一旦没有觉性走神了,
พอเผลออย่างเราโกรธขึ้นมาเราไม่ทันจะรู้ว่าโกรธนะ
比如,生气生起时,因走神而没能及时知道生气,
พอโกรธปุ๊บ ลมหายใจมันเปลี่ยนจังหวะ
一旦生气,呼吸马上改变节奏;
หรือเวลามีราคะขึ้นมาเนี่ยลมหายใจมันเปลี่ยนจังหวะ
或者有贪时,呼吸也会改变节奏;
เวลากิเลสมันแรงลมหายใจมันจะแรงขึ้น
烦恼习气强烈时,呼吸也会急促起来。
พอลมหายใจเปลี่ยนจังหวะนิดเดียวเท่านั้นอ่ะ สติมันจะจับได้อย่างรวดเร็วเลย
呼吸只是变化一丁点节奏,觉性就能极快捕捉到。
เพราะสติมันเคยรู้สึกที่ลมหายใจ พอลมหายใจมันเพลนๆ (plain)ไปก็เผลอไปบ้างนะ
因为曾经觉知过呼吸,
พอลมหายใจมันเปลี่ยนจังหวะนิดเดียว สติระลึกได้เองเลยนะ
呼吸只是改变稍许节奏,觉性就会自行运转。
หรือเราหัดเคลื่อนไหวแล้วรู้สึก เคลื่อนไหวแล้วรู้สึกนะ
或者我们训练运动了,觉知;运动了,觉知。
ต่อมาใจลอยไป เกิดขยับตัวปั๊บเนี่ย จะรู้สึกตัวขึ้นมาเลย
如果心走神了,只要身体移动,就能马上觉知,
สติมันจะเกิดนะมันจะรู้สึกกายรู้สึกใจขึ้นมาได้
觉性生起,就能觉知身心。
งั้นเราทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่งนะ แล้วก็คอยรู้สึกไว้
因此,修习一种禅法,然后不断觉知。
หายใจไปก็เห็นร่างกายมันหายใจคอยรู้สึกไป
觉知呼吸,就看身体它呼吸,不断觉知,
อย่าใจลอยไปและอย่าไปเพ่งมัน แค่รู้สึก
别分心走神,也别紧盯它,就只是感觉;
จะดูพองท้องยุบก็ดูไปก็รู้สึกอยู่เห็นท้องมันพอง
观腹部起伏,就看腹部起伏,
รู้สึกถึงท้องที่พอง รู้สึกถึงท้องที่ยุบ
觉知到升起的腹部,觉知到下降的腹部;
เดินจงกรมก็เห็น รู้สึกถึงร่างกายที่เดิน
经行,就去感觉走动的身体;
หรือจิตใจแอบไปคิดก็รู้สึกว่าอ้อตอนนี้จิตใจมันแอบไปคิดละ
如果心偷跑去想,则知道当下心偷跑去想了。
หัดรู้สึกบ่อย ๆ นะ ต่อไปสติมันจะเกิด
常常训练觉知,觉性就会生起。
พออะไรเกิดขึ้นนะร่างกายมันเปลี่ยนจังหวะนิดเดียว
一旦有什么生起,身体稍有点儿动静,
หายใจเปลี่ยนนิดเดียว
呼吸微微变化一点儿,
หรือขยับตัวนิดเดียว สติมาเองเลยไม่ได้เจตนา
觉性就会自行出现,毫无任何刻意。
หรือความสุขความทุกข์แปลกปลอมเข้ามาในใจนิดเดียวสติมาเองเลยไม่ได้เจตนานะ
苦乐在心里稍一露头角,觉性就会自行生起。
กิเลสมา ความโลภ ความโกรธ ความหลงมานะ
烦恼习气现身,贪嗔痴生起,
สติระลึกปั๊บเลยไม่ได้เจตนา
觉性也会毫无刻意地立即运作,
รู้ขึ้นมาเลยว่าโกรธแล้ว โลภแล้ว หลงแล้วนะ ดีใจแล้ว เสียใจแล้ว
知道生气了、贪了、迷了、高兴了、难过了。
ต้องคอยฝึกนะ
我们需要训练。
อยู่ ๆ ไม่เป็นหรอก
因为觉性不会无缘无故就自动生起,
ต้องฝึกเอา ฝึกคอยรู้สึก รู้สึกกายรู้สึกใจ
需要训练——不断感觉身、感觉心。
อย่าเพ่งกายอย่าเพ่งใจ แล้วก็อย่าลืมกายอย่าลืมใจ
别紧盯身、紧盯心,也别忘记身、忘记心。
ไม่เอาสองอัน
两者皆非。
ลืมกายลืมใจเนี่ยหย่อนเกินไป
忘记身、心,太松;
เพ่งกายเพ่งใจตึงเกินไปนะ
紧盯身、心,太紧。
หัดรู้สึกเรื่อย
我们要训练不断的觉知。
ๆ ต่อไปร่างกายมันเคลื่อนไหวสติก็จะรู้ขึ้นมาเองโดยไม่ได้เจตนาจะรู้
接下来,身体它移动,就能自行觉知,
จิตใจเคลื่อนไหวสติก็จะรู้โดยไม่เจตนาจะรู้
心跑动,觉性也将没有刻意的生起。
ต้องฝึกจนกระทั่งจะรู้โดยไม่เจตนาจะรู้นะถึงจะใช้ได้
需要训练至毫无刻意就能知道,这样才行。
ถ้ายังเจตนาจะรู้มันจะตึงเกินไปมันจะเพ่งนะ
如果还有刻意想去知道,就太紧了,会去紧盯,
ต้องให้มันรู้สึกได้ด้วยตัวของมันเอง
需要让觉知变成自动自发的。
ฟังเหมือนยากนะบางคนฝึกเดือนหนึ่งก็เป็นละ
听起来似乎很难,有些人训练一个月就做到了。
คอยรู้สึกอยู่เรื่อย ๆ คอยรู้สึกตัวอย่าใจลอย
不断觉知自己,别走神。
พูดภาษาไทยง่าย ๆ นะ
简单用泰文表达——
รู้สึกตัวไว้ อย่าให้ใจลอยไปแล้วก็อย่าไปนั่งจ้องนั่งเพ่งนะ
觉知自己,别让心走神,也别紧盯专注。
แค่รู้สึกแค่รู้สึกนะ
就只是感觉,就只是感觉。
จำประโยคนี้ไว้นะ
请记住这句话:
แค่รู้สึกเท่านั้นอย่าให้มันเลื่อนลอยไป อย่าไปเพ่งนะ
就只是感觉,别分心走神,也别紧盯。
แล้วอีกตัวหนึ่งที่เราต้องฝึกนะคือสมาธิที่ถูกต้อง
另一个需要训练的,就是正确的禅定。
เราก็ใช้วิธีอย่างเดิมทำกรรมฐานเหมือนเดิมแหละแต่คอยรู้ทันจิต
我们可以使用原先的禅修方法,去及时的知道心。
คอยรู้ทันจิต ไม่ใช่คอยรู้ทันร่างกาย
是及时知道心,而非及时知道身体。
รู้ทันจิตใจที่เปลี่ยนแปลง
我们要及时知道心里发生的种种变化。
ถ้าเราทำกรรมฐานอย่างหนึ่งร่างกายเปลี่ยนแปลงรู้
如果修习一种禅法,身体变化,知道;
จิตใจเปลี่ยนแปลงรู้นะ
心变化,也知道。
อะไรเปลี่ยนแปลงคอยรู้ไปเรื่อยนะ เราจะได้สติขึ้นมา
无论发生什么变化,都持续知道,这样会得到觉性。
แต่ถ้าจะฝึกให้เกิดสมาธิก็ทำกรรมฐานอย่างเดิมเนี่ยแหละ
如果要训练让禅定生起,可以用原来的禅法,
แต่คอยรู้ทันจิตที่เคลื่อนไป รู้ทันจิตที่ฟุ้งไปจิตที่เคลื่อนไป
但要及时知道心的变化,及时知道心散乱、走神。
สมาธิกับความฟุ้งซ่านนะตรงข้ามกัน
禅定与散乱是相对的——
ถ้าเมื่อไหร่ฟุ้งซ่านเมื่อนั้นก็ไม่มีสมาธิ
何时散乱,何时便无禅定;
เมื่อไหร่มีสมาธิเมื่อนั้นก็ไม่ฟุ้งซ่าน
何时有禅定,何时便无散乱。
เราจะไปห้ามจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านห้ามไม่ได้
我们无法阻止心散乱。
หลายคนนะเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิแล้วก็บังคับจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน
有些人一开始就借助打坐来打压心,希望不再散乱。
เราทำสิ่งซึ่งเป็นไม่ได้จริง จิตเป็นของบังคับไม่ได้จิตเป็นอนัตตา
徒劳无获,因为心不受我们控制,心是无我的。
อยู่ ๆ ไปสั่งไม่ให้ฟุ้งซ่านเป็นไปไม่ได้
想要命令心不散乱,是痴心妄想。
ให้ยอมรับความจริงไปเลยว่าจิตยังไงก็ต้องฟุ้ง
我们要接受实相——无论如何,心都会散乱的。
งั้นทำกรรมฐานสักอย่างนึงนะจะพุทโธก็ได้ จะหายใจก็ได้
修习一种禅法,念佛也行,观呼吸也行,
แต่จิตฟุ้งซ่านไปคอยรู้ทัน
心散乱的时候,及时知道。
อย่าไปห้ามว่าพุทโธแล้วห้ามฟุ้งซ่าน หายใจแล้วห้ามฟุ้งซ่าน
别在念佛或觉知呼吸时,阻止心散乱。
ถ้าห้ามได้ก็กลายเป็นว่าจิตเป็นอัตตาไม่ใช่อนัตตา
如果阻止得了,心就变成了“我”,而非“无我”。
ความจริงไม่มีใครห้ามได้
事实上,没有任何人能够阻止。
งั้นให้เรารู้หลักตัวนี้นะแล้วเราก็คอยรู้ทัน
因此,我们要在明白这个原则后,去及时知道。
เช่น เราหายใจออกหายใจเข้า หรือดูท้องพองดูท้องยุบ หรือเราบริกรรมพุทโธ พุทโธนะ
觉知呼吸、或观腹部起伏、或念佛的时候,
ถ้าจิตมันหนีไปคิดมันเคลื่อนไปคิดมันไหลไปคิดนะ เรารู้ทันว่ามันเคลื่อนไปละ
心跑去想了,要及时知道心跑了;
หรือจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจรู้ว่าจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ
心跑到呼吸上,要知道心跑到了呼吸上。
จิตไหลไปอยู่ที่ท้องดูท้องพองยุบจิตไหลไปอยู่ที่ท้องคอยรู้ทันว่าจิตไปอยู่ที่ท้อง
观腹部升降时,心跑到腹部,要及时知道;
จิตหนีไปคิดก็รู้
心跑去想,要及时知道;
จิตไหลไปอยู่ในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งก็รู้นะ
又或者心跑到身体任何部位,也要及时知道。
จิตมันเคลื่อนไปให้รู้ทันจิตที่เคลื่อนนั่นแหละ
心游移不定,要及时知道游移的心。
ถ้าเราเห็นจิตที่เคลื่อนเมื่อไหร่นะ
如果何时看见心的跑动,
สมาธิที่ถูกต้องคือความไม่เคลื่อนหรือความตั้งมั่น
正确的禅定,即不跑动而安住的心,
จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
将自动生起。
เพราะมันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน
因为它们是相对的事物,
เมื่อไหร่แสงสว่างปรากฏเมื่อนั้นความมืดก็หายไป
何时光明呈现,何时黑暗就会消失。
ก็ใช้หลักอันนี้เอง เราไม่ต้องไปไล่ความมืดหรอก
明白了这个原则,便无需去驱散黑暗。
เราทำแสงสว่างให้ปรากฏขึ้นพยายามไปไล่ความมืดทำลายความมืดทำลายไม่ได้หรอก
只要努力让光明呈现,而非徒劳去驱赶黑暗。
เราทำแสงสว่างให้ปรากฏขึ้นความมืดมันก็หนีไปเอง
一旦光明显现,黑暗将自动匿迹。
เรามีสติขึ้นมานะความฟุ้งซ่านก็ดับไปเอง สมาธิก็เกิดขึ้นเอง
觉性生起,散乱自行灭去,禅定自动生起,
ไม่ต้องสั่งให้จิตมีสมาธิเลยจิตจะเกิดสมาธิเอง
不用命令心有禅定,心会自动生起禅定。
ดูสิง่ายจะตายไป
看到了吗?简单得不可思议。
ตอนหลวงพ่อเด็ก ๆ หัดนั่งสมาธินะ หัดนั่งหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
隆波小时候训练打坐,吸气念佛、呼气念陀,
นับหนึ่งไปเรื่อยฝึกอยู่นานนะกว่าใจจะสงบ
从一数起,训练很久心才宁静。
ฝึกอยู่ที่แรกฝึกได้ซสักเจ็ดวันไม่เกินนั้นหรอก จิตสงบแต่ไม่มาก
第一次训练没超过七天,心宁静但不深邃。
ยังไม่เข้าฐานมันจะสว่างออกไปข้างนอกนะ
心还未归位,只看到外面光明一片。
ออกไปเที่ยวข้างนอก ไปเที่ยวสวรรค์ ไปเที่ยวอะไรนะ
心跑出去外面玩,去天堂等地方旅游。
ถ้าไปเรียนตามสำนักส่งจิตออกนอกละก็จะเป็นลูกศิษย์เอกเลยละ
如果按照“心往外送”的标准来衡量,隆波属于顶级的,
เพราะว่าส่งจิตออกนอกมาตั้งแต่เล็กเลย
因为从小就心往外送了。
ต่อมากลัวนึกขึ้นได้ว่าถ้าออกไปข้างนอกเจอเทวดาไม่กลัวนะ ถ้าเจอผีเนี่ยกลัว
后来想——碰见天神不可怕,万一遇到鬼怎么办?
ลืมไปว่าเค้าก็โอปปาติกะด้วยกันนะ
它们同样都是化生的。
แล้วก็เลือกกลัว กลัวผีก็กลัวว่าจิตจะออก
因为怕心往外跑之后见鬼,
ต่อไปนี้เวลาภาวนาพอจิตจะเคลิ้มจะเคลื่อนออกนะ
所以在以后的修行中,心一旦犯迷糊要往外跑,
ก็รู้สึกตัวขึ้นมาไม่ให้เคลื่อนนะ
就会警觉起来,不让它跑,
กลายเป็นว่าฝึกจนกระทั่งจิตมันตั้งมั่นอยู่
如此自然就变成了训练让心安住,
จิตมันรู้เนื้อรู้ตัว
让心觉知自己。
หายใจอยู่รู้สึกตัวอยู่ หายใจรู้สึกตัว จิตไม่เคลื่อนนะ
呼吸,觉知自己,呼吸,觉知自己,心不再游移。
เจอครูบาจารย์อย่างหลวงปู่สิมอะไรนี้ ท่านเจอหลวงพ่อท่านเรียกหลวงพ่อว่าผู้รู้เลย
遇见老师隆布信长老,称呼隆波为“知者”。
ผู้รู้ ผู้รู้ ผู้รู้ทำอย่างนี้ ผู้รู้ไม่ทำอย่างนี้
“知者”,要这样做,别那么做,
เรียกว่าผู้รู้
长老唤我“知者”。
ทำไมเป็นผู้รู้ ก็จิตเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้นั่นเอง
为何是“知者”?因为我的心安住成为知者。
งั้นเราต้องมาฝึกนะ
我们要用功。
ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งขึ้นมาแล้วคอยรู้ทันจิตที่เคลื่อนไป
修习一种禅法后,及时知道心。
จิตเคลื่อนไปคิดรู้ทัน
心跑去想,及时知道;
จิตเคลื่อนไปอยู่ที่ท้องรู้ทัน
心跑到腹部,及时知道;
จิตเคลื่อนไปอยู่ที่มือที่เท้ารู้ทัน
心跑到手、脚,及时知道;
จิตเคลื่อนไปอยู่ที่ลมหายใจรู้ทัน
心跑到呼吸,也及时知道。
ตรงที่รู้ทันว่าจิตเคลื่อนนั้นแหละความตั้งมั่นจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
及时知道心跑掉的瞬间,心将会自动安住。
เพราะงั้นเรายิ่งรู้ทันว่าจิตเคลื่อนมากเท่าไหร่นะ
因此,越频繁的及时知道心跑动,
สมาธิยิ่งเกิดถี่ขึ้นเท่านั้น
就会越频繁的生起禅定。
ไม่มีคำว่านานนะ
禅定并不会生起很久,
เพราะเกิดเป็นขณะ ๆ ๆ นะ
而是一瞬间、一瞬间的生起。
เกิดบ่อย ๆ ไม่ใช่เกิดนาน ๆ
是频繁生起,而非持久生起。
แต่พอมันเกิดถี่ยิบขึ้นมามันจะมีรู้สึก มีความรู้สึกนะว่าเหมือนมันตั้งมั่นอยู่นานเลย
一旦禅定密集频繁的生起,就感觉好像可以安住很久。
ทรงตัวทรงความรู้ตัวอยู่ได้เป็นวันๆ เลย บางทีทรงอยู่ได้หลายวัน
心独立凸显,能够整天觉知自己,有时可以保持几天。
ถ้าออกจากสมาธิลึก ๆ มานะ
若是从深度禅定中退出,
จิตจะทรงตัวเป็นผู้รู้อยู่หลายวัน
知者般的心能独立凸显好几天,
แต่ถ้าอาศัยสมาธิแค่ขณิกสมาธิ
而如果仅仅依靠刹那定——
แค่ชั่วขณะจิตไหลไปแล้วรู้
心跑动的一瞬间,及时知道。
ไหลไปแล้วรู้ จะได้ขณิกสมาธิ
跑了,知道,会生起刹那定。
อันเนี่ยจะทรงไม่นานจะอยู่ชั่วขณะแล้วก็ดับ
不会保持太久,只是一瞬间,即刻灭去。
เดี๋ยวก็รู้เดี๋ยวก็เคลื่อน เดี๋ยวก็รู้เดี๋ยวก็เคลื่อน
一会知道,一会跑掉;一会知道,一会跑掉,
เดี๋ยวก็รู้เดี๋ยวก็เคลื่อนนะ
心时而知道,时而跑掉,
สลับกันอย่างเนี้ยอย่างรวดเร็วเลย
如此极快地交替进行。
สุดท้ายพอเคลื่อนปุ๊บรู้ปั๊บ เคลื่อนปุ๊บรู้ปั๊บนะ
最后,跑掉的一瞬间就立即知道,
มันจะมีความรู้สึกเหมือนเรารู้สึกตัวอยู่ได้ตลอดเวลานะ
就会感觉,好像能够一直觉知自己。
มันเหมือนไฟฟ้ามันเกิดดับอยู่วินาทีนึงหลายสิบครั้งอะไรงี้นะ
好比是,电灯的光每秒钟生灭几十次,
แต่ว่ามันเกิดดับต่อเนื่องกันเร็วเราเลยรู้สึกว่ามันคงที่อยู่สว่างคงที่อยู่อย่างงี้นะ
生灭极速而连续,让人感觉它是持久发光的。
จิตนี้ก็เหมือนกันความรู้สึกตัวนี่เกิดวับดับ
心亦如此,觉知自己也是刹那生,刹那灭;
วับดับ วับดับนะ
刹那生,刹那灭。
แต่ว่าถี่ขึ้นถี่ขึ้นนะ มันจะมีความรู้สึกตัวเหมือนเรามีความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาเลย
越来越频繁之后,会感觉好像一直在觉知自己。
งั้นเราพยายามฝึกนะฝึกให้ได้
因此,我们要用功修行,
ฝึกให้ได้สติด้วยการคอยรู้ทันนะ
通过及时知道身与心,来发展觉性——
ร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก
身体移动,持续知道;
จิตใจเคลื่อนไหวคอยรู้สึก
心移动,持续知道。
ฝึกให้ได้สมาธิด้วยการคอยรู้ทันจิต
透过及时知道心,来得到禅定——
จิตเคลื่อนไปคิดรู้ทัน
心跑去想,及时知道;
จิตเคลื่อนไปเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่รู้ทัน
心跑去紧盯任何对象,及时知道。
บทเรียนที่ฝึกให้ได้สมาธิท่านถึงได้เรียกว่า จิตสิกขา
训练至证得禅定的功课,佛陀称之为“心学”。
เคยได้ยินมั้ย ไตรสิกขา
听说过吗?三学——
อธิศีลสิกขา การฝึกให้ได้ศีลอย่างยิ่ง
无上戒学,训练为了得到无上的戒,
อธิจิตสิกขา การฝึกให้ได้สมาธิอย่างยิ่ง
无上心学,训练为了得到无上的禅定,
จิตที่ตั้งมั่นนั่นเอง
也就是心安住,
แล้วถึงจะถึงขั้นปัญญาสิกขา ขั้นเจริญปัญญา
然后才能抵达慧学——开发智慧的阶段。
งั้นเราต้องมาฝึกนะมาฝึกจิตฝึกใจของเรา
因此,要来训练我们的心。
จิตเคลื่อนไปรู้ทัน จิตเคลื่อนไปรู้ทัน
心跑掉,及时知道;心跑掉,及时知道。
ในที่สุดจิตจะได้สมาธิขึ้นมา
最后,心会得到禅定。
พอเราได้เครื่องมือ 2 ตัวแล้ว
倘若得到这两个工具,
ต่อไปนี้การปฏิบัติจะไม่ยากอะไรแล้วนะ
接下来的修行就不会难到哪里去。
มีเครื่องมือแล้วนี่ จะทำงาน
一旦有了工具,即便要上班工作,
ก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ
修行也不再困难。
เราก็ใช้หลักที่หลวงพ่อสอนแล้วสอนอีกนะ
掌握隆波反反复复教导的原则——
ให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
要有觉性,了知身、心的实相。
แต่ขณะที่มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงนะ
在有觉性,了知身、心的实相的时候,
รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
要以安住且中立的心去知道。
จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางเนี่ยคือจิตที่เราฝึกมาจากการที่ฝึกให้มีสมาธินี่เอง
安住且中立的心,正是来自于训练而得的禅定。
จิตเคลื่อนแล้วรู้ จิตเคลื่อนแล้วรู้ มันจะได้จิตที่ตั้งมั่นขึ้นมานะ
心跑了,知道;心跑了,知道…就会得到安住的心。
ไอ้ประโยคที่ว่าให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางเนี่ย
“要有觉性,以安住且中立的心,了知身、心的实相”。
ถ้าขยายความออกไปนะจะขยายได้เป็นวันๆ เลย
若是延展开来,能讲上好几天。
ย่อลงมาแล้วเหลือประโยคเดียวนี่เอง
精缩起来,就只剩下这句话。
หลักของการปฏิบัติวิปัสสนาเนี่ยให้มีสติ
修行毗钵舍那的原则:要有觉性——
งั้นเครื่องมือก็คือมีสติ มีสติไปทำอะไร
那么,工具是觉性,有觉性去做什么?
มีสติไปรู้ มิใช่มีสติไปเพ่ง
有觉性地知道,而不是有觉性地紧盯。
มีสติไปรู้ รู้อะไร
有觉性地知道,知道什么?
รู้กายรู้ใจ
知道身体、知道心。
แล้วรู้ยังไง
要怎样知道?
รู้อย่างที่กายเป็นรู้อย่างที่ใจเป็นเนี่ยรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
如身、心本来的样子,去知道身心的实相。
กายมันเป็นยังไง
身是怎样的?
กายมันเป็นของไม่เที่ยง กายมันเป็นทุกข์เป็นอนัตตา
身是无常之物,身是苦、是无我的。
ใจเป็นยังไง
心是怎样的?
ใจไม่เที่ยงใจเป็นทุกข์เป็นอนัตตา
心是无常之物,心是苦、是无我的。
งั้นประโยคที่ว่าให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
“要有觉性,了知身、心的实相。”这句话,
ก็คือเวลาเกิดอะไรขึ้นในกาย เกิดอะไรขึ้นในใจนะ
意即——无论在身上发生什么、在心中发生什么,
สติเป็นคนรู้นะ แล้วจะเห็นเลยนะว่า
觉性是知者,就会看见:
จะมีแต่ของไม่เที่ยงมีแต่ของทนอยู่ไม่ได้
有的只有无常、无法持久,
มีแต่ของบังคับไม่ได้ไม่อยู่ในอำนาจ
有的只是无法改变、不受控制。
การที่จะสามารถเห็นกายเห็นใจตามความเป็นจริงว่าเป็นไตรลักษณ์ได้นั้น
要想能够如实照见身心的实相——三法印,
มีเงื่อนไขว่าต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางนะ
是有条件的,就是要以安住且中立的心去觉知。
อันเนี่ยที่ฝึกสมาธิที่ฝึกให้จิตตั้งมั่นเป็นกลาง
这种禅定是要训练使心安住且中立。
จิตไหลแล้วรู้ จิตไหลแล้วรู้ จะได้จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
心跑了知道,心跑了知道,将会得到安住的心。
เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นกลางนะ พอร่างกายเคลื่อนไหวสติรู้แต่จิตเป็นคนดูอยู่ตะหาก
如果心安住,身体一移动就能觉知,心只是观者,
มันจะมีความรู้สึกเหมือนว่าร่างกายก็ส่วนร่างกาย จิตก็ส่วนอยู่จิต
就会感觉,身体就是身体,心就是心,
เป็นคนละอันนะไม่ใช่รวมเป็นอันเดียวกัน
身和心是不同的部分,不是一个整体。
กายกับจิตนะแยกออกจากกันไม่ใช่เป็นอันเดียวกัน
身与心分离,不再是一个整体。
เวลามีความสุขความทุกข์เกิดในร่างกาย
身体生起苦乐,
หรือความสุขความทุกข์ความเฉย ๆ เกิดขึ้นที่จิต
或者心里生起苦、乐、不苦不乐时,
สติไปรู้จิตตั้งมั่นอยู่มันจะมีความรู้สึกว่า
觉性生起去觉知,同时心安住,就会感觉到——
ความสุขความทุกข์ทั้งหลายแหล่ในกายหรือในจิตนั้นนะ ไม่ใช่ร่างกาย ไม่ใช่จิต
一切生起在身或心的苦乐,既非身,也非心,
เป็นสภาวธรรมอีกอย่างหนึ่งที่จิตไปรู้เข้านะ
只是被心觉知的现象。
หรือโลภโกรธหลงเกิดขึ้นสติไปรู้ทันว่ามีความโลภ สติไปรู้ทันว่ามีความโกรธ มีความหลง
或者贪、嗔、痴生起,有觉性的及时知道,
มีความฟุ้งซ่านมีความหดหู่ มีความดีใจเสียใจอะไรเกิดขึ้น
有散乱、 萎靡、高兴、难过等生起,
สติเป็นตัวรู้ทันนะ
有觉性的及时知道,
ใจมันตั้งมั่นเป็นคนดูมันจะรู้สึกเลยว่า
心安住成为观者,就会感觉到——
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความดี ความชั่ว ความสุข ความทุกข์ทั้งหลายนะ มันไม่ใช่จิตนะ
所有的贪、嗔、痴、好、坏、苦、乐等,都不是心。
มันแยกออกไปจากจิตนะ มันแยกออกไปจากจิต จิตเป็นคนดู
它们与心分离,心只是观者。
เพราะงั้นถ้าเรามาฝึกอย่างนี้ได้นะเมื่อจิตตั้งมั่นเป็นคนดูแล้ว
如果我们能这样练习,那么当心安住成为观者,
สติระลึกลงที่กายก็จะเห็นว่ากายก็เป็นคนละอันกับจิต
觉知身体,就会照见身体与心是不同的部分。
จิตตั้งมั่นเป็นคนดูสติระลึกรู้เวทนา
心安住成为观者,觉知感受,
ก็จะเห็นว่าเวทนากับจิตนะเป็นคนละอันกัน
就会照见感受与心是不同的部分。
ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นคนดูสติระลึกรู้กิเลสที่เกิดขึ้น
如果心安住成为观者,觉知“生起的烦恼习气”,
ก็จะเห็นว่ากิเลสกับจิตเป็นคนละอันกัน
就会照见烦恼习气与心是不同的部分。
และต่อไปละเอียดมากขึ้นนะจะเห็นว่า
到了越来越微细的程度,就会照见:
จิตแต่ละดวงก็เป็นคนละอันกัน
每颗心也是不同的——
จิตที่เกิดที่ตาเกิดแล้วก็ดับ
生起在眼的心,生了灭去;
จิตที่เกิดที่หูเกิดแล้วก็ดับ
生起在耳的心,生了灭去;
เกิดที่ใจเกิดแล้วก็ดับอันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้
生起在心的心,也是生起而灭去……这个先放放也行。
เดี๋ยวภาวนาไปซักช่วงหนึ่งก็เห็นเองแหละ
修行一段时间后,自己便会亲证的。
เบื้องต้นนะจิตโลภโกรธหลงอะไรขึ้นมาคอยรู้
起步阶段,贪、嗔、痴生起,要持续知道,
จะเห็นว่าโลภโกรธหลงก็ไม่ใช่จิตนะเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า
就会看见贪、嗔、痴不是心,只是被心觉知的对象。
การที่เราสามารถแยกได้ว่าร่างกายไม่ใช่จิต สุขทุกข์ไม่ใช่จิต ดีชั่วไม่ใช่จิต
我们能够分离:身不是心,苦乐不是心,好坏不是心。
ฝึกแยกอย่างนี้นะในทางปริยัติ เค้าเรียกว่านามรูปปริจเฉทญาณ
这样的修习,经典里称为“名色分别智”。
นามรูปปริจเฉทญาณคือ มีปัญญาแยกรูปนามได้
“名色分别智”,就是分离名色的智慧,
เห็นร่างกายมันเคลื่อนไหวใจเป็นคนดู อย่างนี้เรียกนามรูปปริจเฉทญาณ
看见身体移动,心是观者,这称为“名色分别智”。
หลวงตามหาบัว ท่านสอนนะบอกว่าถ้าไม่สามารถแยกรูปแยกนามได้นะ
阿姜摩诃布瓦尊者曾经开示说:若无法分离名色,
เออ อย่ามาคุยอวดเรานะว่าเจริญปัญญา เนี่ยท่านสอนอย่างนี้นะ
别吹嘘说开发智慧——尊者是这样教的。
งั้นก่อนที่จะถึงขั้นเจริญปัญญาได้ต้องแยกรูปแยกนามได้
因此,抵达开发智慧之前,需要能分离名色。
แยกรูปแยกนามได้จิตตั้งมั่นขึ้นมารูปนามมันจะแยกออกไป
“分离名色”就是,心安住后,名色分离开——
กายก็แยกออกไปส่วนหนึ่งจิตเป็นคนดู
身体分离出去成为一个部分,心是观者;
ความสุขความทุกข์แยกออกไปจิตเป็นคนดู
苦、乐分离出去,心是观者;
กุศลอกุศลแยกออกไปจิตเป็นคนดู
善、不善分离出去,心是观者。
เนี่ยถ้าแยกได้ถึงจะเจริญปัญญาได้
如果能够分离名色,才有可能开发智慧,
เนี่ยทั้งปริยัติทั้งปฏิบัตินะลงมาตรงกันเป๊ะเลย
经典理论与实践修行是完全一致的。
ทางปริยัติเนี่ยปัญญาขั้นที่หนึ่งเลย
经典理论中的第一个智慧,
ชื่อนามรูปปริจเฉทญาณ แยกรูปแยกนามนั่นแหละ
称为“名色分别智”——分离名色的智慧。
ทางปฏิบัติครูบาจารย์ก็สอนให้มีจิตผู้รู้
在修行方面,祖师大德教导要让心成为观者。
ถ้ามีจิตผู้รู้ได้มันก็แยกรูปแยกนามได้นะ
如果心能够成为观者,就能够分离名色。
หรืออย่างหลวงตามหาบัวฟันธงเลยนะ ว่า
或者阿姜摩诃布瓦尊者斩钉截铁地说:
ถ้ายังแยกรูปแยกนามแยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้
“如果无法分离名色、蕴界”,
ท่านใช้คำว่าแยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้อย่ามาคุยอวดเรานะว่าเจริญปัญญา
尊者使用的是“无法分离蕴界”,别吹嘘开发智慧。
พูดอย่างนี้เลย
说得如此果决。
งั้นต้องหัดแยกให้ได้ก่อน
因此,我们要先训练分离。
ทั้งปริยัติกับปฏิบัติเนี่ยตรงกันเป๊ะเลย เป็นเรื่องอัศจรรย์มากเลย
经典理论与实践修行如出一辙,这是极为神奇的。
งั้นถ้าเราแยกรูปแยกนามแยกธาตุแยกขันธ์ไม่เป็นนะแล้วบอกว่าทำวิปัสสนา
很多人不会分离名色,却号称自己在修习毗钵舍那,
เนี่ยแขวนป้ายวิปัสสนาเยอะมากเลยนะ
打着“毗钵舍那”旗号的到处都是,
แต่แยกรูปแยกนามแยกธาตุแยกขันธ์ไม่เป็นหรอก นะ
但根本还不会分离名色、蕴界。
เวลาเดินจงกรมก็เห็นร่างกายเดินนะใจก็ไปจับอยู่ที่ร่างกาย
经行时,看见身体在走,心紧抓着身体,
จับอยู่ที่เท้าบ้าง จับร่างกายทั้งร่างกาย มันไม่แยก
紧盯脚、紧盯全身,这样名色是无法分离的;
ดูท้องพองยุบนะใจก็เกาะอยู่ที่ท้องนี่ก็ไม่แยกนะ
观腹部升降,心停驻在腹部,这样依然无法分离名色;
รู้ลมหายใจจิตจับอยู่ที่ลมหายใจนี่ก็ไม่แยก
觉知呼吸,心抓住呼吸,还是分离不了的。
แล้วค่อย ๆ ฝึกนะจนจิตมันถอยออกมาเป็นคนดูได้
慢慢用功,直到心能够抽身出来成为观者。
วิธีที่จิตตั้งมั่นเป็นคนดูเนี่ย สอนแล้วนะ
训练心安住成为观者的方法,已经教过了——
คอยทำกรรมฐานอย่างหนึ่งแล้วคอยรู้ทันจิตที่เคลื่อนไป
修习一种禅法后,及时知道心跑掉。
โดยเฉพาะเคลื่อนไปคิด
尤其是跑去想,
เคลื่อนไปคิดปุ๊บรู้ทันปั๊บ จิตจะตั้งมั่นเป็นคนดูขึ้นมาอัตโนมัติเลย
跑去想的刹那,及时知道,心将自动安住成为观者。
ถ้าฝึกอย่างนี้ได้นะต่อไปเวลา
如果能够这样练习,接下来——
มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
“有觉性,以安住且中立的心,了知身、心的实相”,
เป็นกลางเป็นยังไง
中立是如何的?
ตั้งมั่นเราก็รู้แล้วนะ
我们已经知道了“安住”,
ตั้งมั่นก็คือตรงข้ามกับฟุ้งซ่านตรงข้ามกับไม่ตั้งมั่น ตรงข้ามกับเคลื่อนไปนะ
安住与散乱、游移相对。
ตั้งมั่นแล้วจิตเป็นคนดูไม่เคลื่อนไปเป็นคนดู
安住后,心不再游移,心成为观者。
เห็นร่างกายเคลื่อนไหวจิตเป็นคนดู
看见身体移动,心是观者,
เห็นสุขทุกข์เคลื่อนไหวจิตเป็นคนดู
看见苦乐来去,心是观者,
เห็นกิเลสเคลื่อนไหวจิตเป็นคนดู
看见烦恼生灭,心是观者。
มันแยกออกมาเป็นคนดู แต่อย่าจงใจแยกนะ
心抽身出来成为观者,但别去刻意的分离。
เวลาฝึกให้มีตัวรู้เนี่ยอย่าจงใจดึงตัวรู้ออกมา
要训练让心成为观者,而非刻意把观者抽离出来。
อย่าจงใจดันอารมณ์ออกไปนะ
也别刻意推开所缘。
ให้มันแยกเองด้วยการรู้ทันจิตที่เคลื่อนไป
通过及时知道心的散乱,让心与所缘自行分离。
ถ้ารู้ทันจิตที่เคลื่อนไป
如果及时知道心散乱,
เค้าแยกของเค้าเองเนี่ยจะพอดี
它们将自行分离,这样才刚刚好。
จิตจะพอดีนะเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
心刚好成为知者、觉醒者、喜悦者。
ถ้าจงใจแยกนะ จงใจดันอารมณ์
如果刻意分离——刻意推开所缘,
หรือจงใจดึงจิตขึ้นมา
或刻意将心抽离出来,
เนี่ยจิตจะแข็งเลย แข็งกระด้างแล้วไม่เดินปัญญาแล้ว
这样心会僵硬。僵硬了,便无法开发智慧,
จะแข็งทื่อ ๆ อยู่อย่างงั้นเองนะตึงเกินไปอย่างนั้น
心会一直僵硬、迟钝,那样则太紧。
ค่อยฝึกเป็นขั้นเป็นตอนนะ ค่อยฝึกไป
因此,我们要有次第的用功。
หลวงพ่อเทศน์นี้จำไม่ได้หมดหรอก
大家是无法一次就记住隆波开示的所有内容的,
ถ้าเค้าอัดเทปไว้ก็ไปขอเค้าฟังนะ
有法工录音做成CD,大家可以请回去听。
ฟังแล้วฟังอีกเดี๋ยวก็เป็น พวกเราไม่ใช่คนโง่หรอก
听了又听,不久就会明白,大家并不愚痴。
เพียงแต่เป็นคนใจเสาะขี้เกียจบ้าง ไอ้คำว่าขี้เกียจบ้างเนี่ยสุภาพนะ
只是有些懒惰。用“有些懒惰”比较含蓄,
ขี้เกียจมาก หึ หึ
其实是“极其懒惰”。
ภาวนาน้อยนะอยากได้มรรคผลแต่ภาวนาน้อย ๆ ๆ ๆ
希望证得道果,但只肯用功一丁点,
เอาเวลาไปตามกิเลสซะเยอะเลย เอาเวลาตามพระเนี่ยน้อยมากเลย
绝大部分时间随顺烦恼,追随佛陀的时间微乎其微。
งั้นพยามฝึกนะ มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
一定要用功修行——有觉性去照见身、心的实相。
มันเป็นไงรู้ว่าเป็นงั้น รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น แล้วก็พอ
如实的去知道,以安住的心去知道,就足够了。
ไปรู้นะทีแรกมันจะไม่เป็นกลางหรอก
第一次知道的时候,心是不会保持中立的,
พอไปเห็นความสุขมันก็พอใจ
一旦看见快乐,心就会满意;
ไปเห็นความทุกข์มันก็ไม่พอใจ
看见痛苦,就会不满意;
ไปเห็นกุศลมันก็พอใจ
看见善,就会满意;
เห็นอกุศลไม่พอใจ
看见不善,就会不满意。
ให้เรามีสติเนี่ยแหละรู้ทันจิตเข้าไป
我们要有觉性地进一步知道——
เวลาจิตมีความพอใจให้รู้ทัน
心满意,要及时知道;
จิตมีความไม่พอใจให้รู้ทันนะ
心不满意,也要及时知道,
พอเรารู้ทันปุ๊บ
一旦及时知道,
ความพอใจความไม่พอใจหรือความยินดียินร้ายจะดับอัตโนมัติ
满意、不满意或喜欢、不喜欢将自动灭去。
จิตจะเป็นกลาง เราจะตั้งมั่นแล้วก็เป็นกลางขึ้นมา
心将保持中立,我们就会既安住,又中立。
อาศัยการที่มีสติรู้ทันจิตที่หลงยินดียินร้าย
依赖觉性,及时知道迷失于满意与不满意之中的心:
เห็นสาวสวยขึ้นมานะใจมันชอบรู้ว่าชอบ
看见漂亮的美女,心喜欢,知道喜欢。
เห็นหมาบ้าวิ่งมาใจกลัวรู้ว่ากลัวนะ
看见一条疯狗跑过来,心害怕,知道害怕。
พอเป็นนักปฏิบัตินะ
一旦成为修行人了,
เห็นใจชอบ ชอบไปเห็นสาวนะใจเกิดราคะยินดีพอใจมีราคะขึ้นมา
看见美女,心生起贪欲,随之满意生起,
แหมนักปฏิบัติ หูย จิตมีราคะไม่ดี
如果想‘修行人怎能有贪欲?!’
เกลียดมันอยากให้ราคะหาย
就开始讨厌贪欲、希望它消失,
อันนี่แหละไม่เป็นกลางละ ให้รู้ทันซ้อนลงไปอีกทีหนึ่ง
这样就没有保持中立,因此要及时的进一步去知道。
ขั้นแรกรู้ทันความรู้สึก
第一步,及时知道感觉——
รู้ทันสภาวะที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเรานะ
及时知道在心中生起的现象或状态。
ขั้นที่สองรู้ทันปฏิกิริยาของจิตใจต่อสภาวะอันนั้นนะ
第二步,及时知道心对于那些现象或状态的反应。
เช่น ความสุขเกิดขึ้นพอใจให้รู้ทัน
比如,快乐生起,心对之满意,要及时知道。
ความทุกข์เกิดขึ้นไม่พอใจให้รู้ทัน
痛苦生起,心对之不满意,也要及时知道。
อันนั้นพอใจอันนี้ไม่พอใจ สภาวะต่าง ๆ
对此满意,对彼不满等等各种情形,都要及时知道。
ความโลภเกิดขึ้นไม่พอใจรู้ว่าไม่พอใจนะ
贪欲生起,对之不满意,要知道“不满意”。
ความดีเกิดขึ้นพอใจรู้ว่าพอใจ
真善美生起,对之满意,要知道“满意”。
เนี่ยคอยรู้ทันลงไป ในที่สุดจิตมันจะตั้งมั่นด้วยแล้วก็เป็นกลางด้วย
持续觉知下去,最后心将会安住且中立。
ถ้าจิตตั้งมั่นและเป็นกลางได้นะ มันก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง
如果心能够安住且中立,就不会再进去干扰。
สภาวะทั้งหลายผ่านมาผ่านไป จิตเป็นแค่คนดูไม่เข้าไปแทรกแซง
所有境界来了就走,心只是观者,不进去干扰。
สุดท้ายจิตจะเห็นสภาวะทั้งหลายตรงตามความเป็นจริง
最终,心将完全如其本来面目的看待一切境界。
สภาวะทั้งหลายจะผ่านมาผ่านไปจิตไม่ไปแทรกแซง
一切都来了就走,心并不去干扰,
จะเห็นเลยว่าสภาวะทั้งหลายนั้นตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ นั่นแหละคือความจริงหละ
就会看见一切境界都呈现三法印——这就是实相。
ถ้าเห็นความจริงคือการเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจ
如果看见实相——身、心的三法印,
อันนั้นเรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน
就称为“毗钵舍那”的修行。
พวกเราได้ยินชื่อวิปัสสนามามากนะ แต่ว่าเราไม่รู้หรอกว่าทำยังไง
我们常听说“毗钵舍那”,却不知如何修习。
ถ้าไม่มีสมาธิที่ถูกต้องทำวิปัสสนาไม่ได้นะ
如果没有正确的禅定,就无法修习毗钵舍那。
ปัญญาจะเกิดได้ต้องอาศัยสมาธิที่ถูกต้อง
要想智慧生起,必须依赖正确的禅定。
นี่บางคนก็พูดกันนะว่าต้องทำสมาธิก่อนถึงจะเกิดปัญญา
有些人把“必须有禅定,才能开发智慧”挂在嘴边,
พูดอย่างนี้ยังหยาบเกินไปเพราะสมาธิมีหลายชนิด
这样的说法依然不准确,因为禅定有好几种,
ต้องทำสมาธิชนิดที่จิตตั้งมั่นซะก่อนถึงจะเดินปัญญาได้
“要先修习安住型的禅定,才能开发智慧。”
ถ้าพูดอย่างนี้ถึงจะถูก
这样说才正确。
บอกถ้าต้องนั่งสมาธิก่อนถึงจะเกิดปัญญาอันนี้เข้าใจผิดแล้ว
以为“需要先有禅定,才能开发智慧”,这是错解。
สมาธิหลายชนิดเลยที่นั่งแล้วไม่มีปัญญานะ
禅定有好几种,修习后不仅没有智慧,
ขวางการเดินปัญญาด้วยซ้ำไป
反而阻碍开发智慧,
ยิ่งสมาธิออกนอกนะหรือสมาธิเคลิบเคลิ้มนะ
尤其是往外散逸或者迷迷糊糊的禅定,
พวกนี้ไม่ทำให้เกิดปัญญา
根本不会生起智慧,
เป็นสมาธิที่ทำให้หลงโลกด้วยซ้ำไป เพลิน
反而让心更加迷失或沉迷于世间。
หรือสมาธิไปติดอยู่ในความนิ่งความว่าง นั่งแล้วก็ว่างนะ
也有人粘着于空或宁静的禅定,打坐后感觉空空的,
ยังมีหน้ามาสอนอีกนะว่าทำให้ว่าง รักษาจิตให้ว่างนิรันดร
居然还去教导别人:呵护心永远停驻在空无中。
อันนั้นไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้ว จะเอารักษาจิตให้ว่าง ๆ
呵护心使其空无,这已经不是佛教了。
มันก็ไปสู่อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ
它会抵达“空无边处”、“ 识无边处”、“无所有处”,
เข้าอรูปฌาน
心会进入无色界定,
เป็นของฤาษีชีไพรที่เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนแล้ว
悉达多太子曾拜师隐士们学过这些。
ท่านบอกว่าไม่ใช่ทางนั่นแหละ
佛陀开示说:那不是路。
ทุกวันนี้แหละลูกหลานฤาษีก็มาแฝงตัวอยู่ในกลุ่มชาวพุทธนะ
时至今日,隐士们的子孙仍潜伏在佛教徒中,
เอะอะก็จะสอนให้ทำจิตให้ว่าง
继续错误的教导别人:让心空无。
ให้ทำจิตให้ว่าง นั่นมิจฉาทิฐิร้ายแรงเลย
让心空无,这是非常严重的邪见。
ต้องให้จิตตั้งมั่นไม่ใช่ทำให้จิตว่าง
我们要让心安住,而非让心空无。
ฝึกให้จิตตั้งมั่นและน้อมจิตที่ตั้งมั่นนี้ไปเจริญปัญญา
训练让心安住,并且带领安住的心去开发智慧:
คือไปมีสติรู้รูปนามรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงนะรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลาง
有觉性,以安住且中立的心了知名色(身心)的实相。
งั้นต้องแม่นนะไม่งั้นเราอย่ามั่ว
原则必须牢牢掌握,别浑水摸鱼。
ทุกวันเนี้ยเรียนกรรมฐานมั่ว ๆ เยอะมากเลยนะ
现今,修行圈里浑水摸鱼的现象屡见不鲜,
พวกมิจฉาทิฐินอกศาสนาพุทธมันแฝงเข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนาเรานี้แหละ
佛教之外的邪见潜伏在佛教中。
พอไหวมั้ย ตกลงให้ทำอะไร หึ หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
大家还跟得上吗?心里想‘这个隆波究竟要做什么’吗?
ขั้นต้นรักษาศีลห้า นะ สรุปให้ฟังนะ
现在总结给大家听:
ขั้นต้นรักษาศีลห้าไว้
首先,我们要持五戒。
ต่อมาก็มาฝึกสติ
其次,训练觉性。
แล้วฝึกจิตใจให้ตั้งมั่น
再次,训练让心安住。
ฝึกสติเนี่ยร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก อย่าใจลอยแหละ
训练觉性,身体移动,持续感觉,别分心走神。
อย่าไปเพ่งมันแล้วก็อย่าใจลอยนะ คอยรู้สึกตัวเรื่อย ๆ ก็จะได้สติขึ้นมา
别紧盯,也别走神,不断觉知自己,就会得到觉性。
แล้วก็ฝึกให้ได้สมาธิจิต
接下来训练禅定——
เคลื่อนไปรู้ทัน จิตเคลื่อนไปรู้ทัน
心跑掉,及时知道;心跑掉,及时知道。
ส่วนใหญ่เคลื่อนไปคิด ถ้าไม่เคลื่อนไปคิดก็เคลื่อนไปเพ่ง
绝大部分时间是跑去想,或是跑去紧盯,
นักปฏิบัติน่ะเคลื่อนไปสองอย่าง เคลื่อนไปคิดกับเคลื่อนไปเพ่ง
这两种跑掉经常发生——跑去想与跑去紧盯,
คนทั่วไปที่ไม่ปฏิบัตินะจะเคลื่อนไปคิดอย่างเดียว
不修行的人只有一种——跑去想。
แต่นักปฏิบัติเนี่ยพอนึกถึงการปฏิบัติได้ก็จะเพ่งเลย จ้องเอาไว้
修行人一想到修行,就会紧盯。
ถ้าจ้องเอาไว้จิตก็นิ่ง ๆ ทื่อ ๆ ไม่เดินปัญญา
如果紧盯,心就会宁静、迟钝,无法开智慧。
แต่ให้รู้ทันจิตมันเคลื่อนนะ
如果能及时知道心跑,
จิตจะได้สมาธิที่ถูกต้องเอาไปเดินปัญญาได้
心就会得到能够开发智慧的正确禅定,
ตัวนี้ตัวสำคัญมากเลย
这非常重要。
ถ้าเราไม่ได้สมาธิที่ถูกต้องเดินปัญญาไม่ได้จริงหรอก
如果我们没有正确的禅定,是不会真正开发智慧的。
แล้วถ้าพอรู้ตัวได้นะจิตตั้งมั่นแล้วเนี่ย
如果能够觉知自己了,却在心安住之后,
แล้วก็รักษาจิตให้ตั้งมั่นอยู่เรื่อย ๆ ไป ก็ไม่ใช่การเดินปัญญานะ
呵护心,让心持续安住,这样也不是开发智慧。
พระพุทธเจ้ายังสอนในพระสูตรเนี่ยมี ภิกษุเข้าฌานนะ หนึ่งสอง สาม สี่
在《三藏》里,佛陀教导比丘入定1、2、3、4,
ออกจากฌานจิตตั้งมั่นอ่อนควรแก่การงาน
退出禅定,心安住、柔软、适合工作,
ท่านบอกให้โน้มน้อมจิตไปเพื่อญาณทัศนะ
佛陀教导:要带领心去开发智慧——
เอาจิตมาทำงานนะไม่ใช่ว่าไปรักษาจิตให้นิ่ง ๆ ว่าง ๆ
让心工作,而不是呵护心让空无、静如止水。
รู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็รู้ตัวอยู่เฉย ๆ นะ
觉知自己,并不是如如不动的觉知自己。
งั้นถ้าจะให้ถูกต้อง
原则就是——
เรามีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางไปเรื่อย
持续地有觉性,以安住且中立的心,了知身、心的实相。
ค่อย ๆ จำประโยคนี้ไว้นะ
慢慢记住这句话。
ประโยคนี้ครอบคลุมการทำกรรมฐานการทำวิปัสสนากรรมฐานทุกรูปแบบเลย
这句话圆满的概括了任何形式的“毗钵舍那”修行:
ให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
要有觉性,以安住且中立的心,了知身、心的实相。
จะดูรูปก็ได้นะ จะดูเวทนาก็ได้ จะดูสังขารก็ได้ จะดูจิตก็ได้เห็นมะ
观身也行,观感受也行,观行蕴也行,观心也行。
ครอบคลุมอยู่ในขันธ์ห้า จะรูปนามตัวไหนก็ดูได้ก็ใช้หลักอันเดียวกันนี้
观五蕴或名色的任何部分都行,都使用同样的原则。
จะใช้สมาธินำปัญญาก็หนีหลักนี้ไม่พ้น
用禅定引领智慧,也是这个原则。
จะใช้ปัญญานำสมาธิก็หนีหลักอันนี้ไม่พ้น
用智慧引领禅定,还是这个原则。
ใช้สมาธิและปัญญาควบกันก็หนีหลักอันนี้ไม่พ้น
禅定与智慧同步,依然是这个原则。
งั้นหลักตัวนี้พวกเราจำเอาไว้นะ
因此我们要牢牢记住这个原则。
แล้วอย่าให้มันคลาดเคลื่อนออกไป ไม่พลาดหรอก
别错过它,就不会出偏错。
ให้มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
要有觉性,以安住且中立的心,了知身、心的实相。
มีสติรู้นะไม่ใช่เพ่ง
有觉性,而不是紧盯。
รู้อะไร รู้กายรู้ใจ
知道什么?知道身、心;
รู้ยังไง รู้อย่างที่มันเป็น
怎么知道?如其本来的知道——
กายเป็นยังไงรู้
身体是如何的,如实知道;
ใจเป็นยังไงรู้นะ
心是如何的,如实知道。
จะรู้อย่างงั้นได้ ใจต้องเป็นคนดู
要想如实知道,心必须成为观者,
ใจต้องตั้งมั่นพอ
心需要有足够的安住。
ไปรู้แล้ว ถ้ายินดีให้รู้ทัน
知道之后,如果对之产生满意,要及时知道;
ถ้ายินร้ายให้รู้ทัน จิตจะเป็นกลาง นะ
如果对之不满意,也要及时知道,心将会保持中立。
ถ้าทำได้อย่างนี้นะ เจ็ดวัน เจ็ดเดือน เจ็ดปี ควรจะได้มรรคผลบ้างนะ
如果能这样做,7天、7月、7年,或多或少会有所体证。
ถึงไม่ได้พระอรหันต์ ไม่ได้อนาคาฯ โสดาฯ ก็ควรจะได้บ้างนะ
即便没有证得阿罗汉、阿拉含、须陀洹,也定会有所收获。
อ่ะพอสมควร
好了,今天就说到这里。
ช่วงตอบคำถาม
问答部分
ญ.1 : กราบหลวงพ่อค่ะ
居士1:顶礼隆波!
ดิฉันขอเรียนถามหลวงพ่อ เรื่องการโกหกที่ดิฉันทำกับแม่ของดิฉันเองเป็นประจำ
请问隆波,我常常欺骗自己的妈妈,
เนื่องจาก เออ แม่เค้าเป็นคนอดออมเวลา
因为妈妈是个非常节俭的人,
ซื้ออะไรให้เค้าแล้วบอกราคาที่เค้าเห็นว่ามันแพงไปเค้าจะไม่พอใจ
如果我买了一个她认为太贵的东西的话,她就会不高兴。
ล.พ. : อือ
隆波:嗯。
ญ.1 : อย่างดิฉันซื้อเสื้อตัวละพันสองให้แม่
居士1:比如我买一件1200铢的衣服给妈妈,
ดิฉันต้องบอกแม่ว่าดิฉันซื้อมาร้อยยี่สิบ
而我只能告诉她,这件衣服是120铢。
ล.พ. : ลืมบอกกติกาไปอีกข้อนึงว่า
隆波:又忘记隆波告知大家的规则了,
เอาเฉพาะเรื่องกรรมฐานนะ
请只问有关修行的问题。
ญ.1 : อย่างเนี่ยะการโกหกของดิฉันมันบาปมั้ยคะ
居士1:我这样欺骗她,造业吗?
ล.พ. : บาปสิ มีเหรอโกหกไม่บาป หึ หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
隆波:造业的。有欺骗而不造业的吗?呵呵
อย่างน้อยใจเราก็เศร้าหมองอยู่เนี่ย
至少你的心有在不舒服,
เราลังเล บาปไม่
你已在困惑自己是否有造业。
บาป บาปไม่บาป จิตใจผ่องใสมั้ย ไม่ผ่องใสหรอกนะ
造业,还是没有造业,心会舒坦吗?不舒坦的。
ถ้าเมื่อไรจิตใจเศร้าหมองเมื่อไหร่ก็บาปเมื่อนั้นแหละ
什么时候心不舒坦,那时就是造业的。
ญ.1 : แต่มันไม่สร้างผลร้ายแก่ใครนี่คะ
居士1:但这样做对谁都没有坏处呀。
ล.พ. : สร้างกับเราเองนะ ใจเราเศร้าหมองอ่ะ
隆波:对你自己有坏处呀,你的心不舒服。
ญ.1 : ไม่หมองหรอกค่ะ ดิฉันดีใจ
居士1:没有不舒服,我高兴。
ล.พ. : ไม่หมอง อ้อ ดีใจนะ หึ หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
隆波:没有不舒服?高兴?呵呵
ญ. 1 : ที่แม่รับของไปอย่างยินดี ดิฉันดีใจแม่ก็ดีใจ
居士1:妈妈满意地收到礼物,妈妈开心,我高兴。
ล.พ. : อ้อ (หลวงพ่อหัวเราะ) เอา เอา ตามใจโยม หึหึหึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
隆波:哦?(隆波笑)行,那就按你的来。呵呵
ญ. 1 : ตกลงบาปนะคะ
居士1:到底造业吗?
ล.พ. : บาป
隆波:造业。
ญ.1 : ค่ะ ดิฉันขอรับเอาไว้ ขอบพระคุณค่ะ
居士1:好的,谢谢您!
ช. 1 : กราบนมัสการ ครับ เออ ผมก็ปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อมาประมาณซัก ห้าปีนะครับ
居士2:隆波您好!我跟随隆波修行大概有5年了,
ไปเข้าคอร์ส กฟผ. รุ่นแรก ๆ อ่ะนะครับ
是参加过国家电网举办的首届禅修班的学员,
แต่ปัจจุบัน มันก็ยัง ก็ยังหลงนานอยู่นะครับ หลงนานอยู่ก็
现在依然会迷失很久。
ล.พ. : ขณะนี้จิตเป็นยังไง จิตตั้งมั่นมั้ย
隆波:当下心如何?心安住了吗?
ช.1 : ก็ยังนิ่ง ๆ ครับ
居士2:是静止不动的。
ล.พ. : นะ จิตไม่มีกำลังจริงนะ ซึม ๆ ไป นะ
隆波:心不是真的有力量,太昏沉了。
ถ้าจิตมันซึม ๆ ต้อง exercise มันนะ ออกมากระทบอารมณ์
如果心昏沉,就需要锻炼它——让它出来接触所缘,
ออกมาไรบ้าง อย่าไปให้มันไปนิ่ง ๆ ซึม ๆ
有时要出来活动,别让它安安静静、昏昏沉沉的。
เวลามันกระทบอารมณ์นะจิตมันจะตื่นตัวขึ้นมา จิตตื่นตัวขึ้นมา
心接触所缘,就会打起精神来,就会神清气爽,
จะรู้สึกตัวได้เข้มข้นขึ้นกว่านี้หน่อยนึง
就能比现在更清晰的觉知自己。
ความรู้สึกตัวมันจางไป นะ
此刻你的觉知太弱了。
ถ้าไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นรู้สึกในร่างกายให้เยอะขึ้นหน่อยนะ
如果没有什么可以让心兴奋的,就多一点觉知身体:
เคลื่อนไหวแล้วรู้สึก เคลื่อนไหวแล้วรู้สึกนะ
移动了,觉知;移动了,觉知。
ไม่งั้นใจจะไม่มีแรง
否则,心就会没有力量。
ช.1 : ขอบพระคุณ
居士2:感恩您!
ล.พ. : ถ้าจิตมันได้รู้อารมณ์ที่หยาบมันจะมีแรง มีแรงมากขึ้น
隆波:如果心能够觉知粗重一点的所缘,心力就会增强,
ถ้ามันรู้อารมณ์ที่ละเอียดมากเลย สติสมาธิอะไรไม่พอ
如果所缘太过细腻,而觉性禅定不够,
จับไม่อยู่นะ
心就会抓不住所缘,
มันจะค่อย ๆ หมดเรี่ยวหมดแรงไป
就会慢慢无精打采。
งั้นออกมากระทบอารมณ์ที่หยาบขึ้นหน่อยนะ
因此,让心出来接触粗重一点的所缘。
อย่างสมมุติเราเคยหายใจแล้วก็สงบแล้วก็ซึมไปยังเงี้ย
假设我们曾经觉知呼吸后,变得安静、昏沉,
แต่ว่าแค่นี้ละเอียดเกินไป
这是因为所缘太微细了,
อาจจะต้องมาเดินจงกรมมาเคลื่อนไหว
也许需要出来经行、走动走动,
มากวาดบ้านถูบ้าน เคลื่อนไหวแล้วคอยรู้สึกนะ
来打扫一下家里的卫生,活动之后觉知,
ความรู้สึกตัวมันจะชัดขึ้น ใช้อารมณ์ที่หยาบขึ้น
使用粗重一点的所缘,这样觉知就会清楚起来。
ญ.2 : ค่ะ หนูไม่ได้ส่งการบ้านมาสามปีแล้วค่ะ
居士3:顶礼隆波!我已有3年未做禅修报告,
แต่ว่าปฏิบัติดูจิตอยู่สม่ำเสมอค่ะ
但有在持之以恒的修行观心法门。
แต่ว่า เออ เมื่อกี้ก็จิตมันจะไหลไปที่กายแล้วก็ หลงไปในความคิดอยู่เรื่อย ๆ อ่ะค่ะ แล้วก็
刚才心跑到身体,然后就一直迷失在念头里。
ล.พ. : ต้องซ้อมนะ ไหลแล้วรู้ไว ๆ ไหลวับรู้ปั๊บ ปั๊บ ปั๊บไป
隆波:必须反复练习,心跑了及时知道,心跑了即刻知道。
ญ.2 : ค่ะ ก็อยากจะเรียนถามว่ายังอยู่ในร่องในรอยมั้ยคะ ก็ปฏิบัติอยู่
居士3:好的,想问隆波,我的修行还在正确的路上吗?
ล.พ. : หึ หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
隆波:呵呵呵
ญ.2 : แต่ว่าห่างครูบาอาจารย์คือไม่ได้ไปส่งการบ้านเลยค่ะ
居士3:因为离隆波比较远,没有机会及时报告进度。
ล.พ. : ใจมันไม่ค่อยมีกำลังนะ
隆波:你的心不太有力量。
บางทีการไปส่งการบ้านแล้วได้แรงนะ มันทำให้เรา active ขึ้น
有时报告完修行进度后,心会得到力量,会兴奋起来。
บางทีพอเราภาวนาของเราคนเดียวเงียบ ๆ ไปนะ แรงค่อย ๆ ตกก็มี
有时我们独自一人静静的修行,力量却会逐渐下降。
หลวงพ่อแต่ก่อนนะ ตอนเป็นโยมนะทุก ๆ เดือน ต้องออกไปหาหลวงพ่อพุธทีหนึ่ง
隆波以前是居士时,每个月都会去拜见隆波蒲尊者,
ถามว่ามีปัญหาอะไรไปหา ไม่มี
问说是有什么问题要请教吗?没有。
ไปถึงไปฟังท่านพูดไปอะไร
只是想听听尊者的开示。
ท่านถามโน่นถามนี่
尊者问问这,问问那。
ตอบท่านนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ใจมัน active ขึ้น
隆波回答一点点,但心重新燃起热情,
หรือบางครั้งเราเฉื่อย ถึงเวลาที่ต้องไปหาครูบาจารย์
或者有时感觉有些提不起劲,就去拜访师父,
มันจะขยันภาวนาขึ้นมามันจะช่วยกระตุ้น
会促进精进用功,具有推动作用。
หรืออย่างเราไปวัดไปหาครูบาจารย์เราเห็นเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกัน
或者去寺庙找师父时,看见同修们精进用功,
เราภาวนาของเราคนเดียวเราว่าดีแล้วนะ
我们单独用功时,以为自己很好了,
ไปเห็นคนอื่น เอ๊ะเค้าดีกว่าเราอีกนะ
见到别人,看到他们更好。
ใจมันจะไม่นิ่งนอนนะ ไม่นิ่งนอนใจมันจะขยันขึ้นมา
心不会无动于衷的,这样就会更加精进。
งั้นการภาวนาเนี่ย ถ้าอินทรีย์เรายังไม่แข็งนะ
修行的时候,如果我们的根器还不是特别上等,
เรามีเพื่อนเรามีหมู่เพื่อนนะมีกัลยาณมิตรภาวนาด้วยกัน
有一群同参道友和善知识就会相当受益,
กระตุ้นกันไปกระตุ้นกันมา ช่วยให้ active ขึ้น
大家会相互激励和促进,一起点燃修行的热情。
จิตเป็นยังไง จิตสงบหรือจิตฟุ้งซ่าน
心怎么样?心宁静还是散乱?
ญ.2 : จิตฟุ้งซ่านค่ะ
居士3:心散乱。
ล.พ. : จิตฟุ้งซ่านให้รู้อย่างที่มันเป็น
隆波:心散乱,要如其本来的知道。
ญ.2 : ค่ะ
居士3:好的。
ล.พ. : ทำในรูปแบบทุกวันมั้ย
隆波:每天有在固定形式里修行吗?
ญ.2 : สวดมนต์ค่ะ แต่ว่าไม่ทุกวัน เออ แต่เกือบทุกวันค่ะ
居士3:几乎每天念经,但偶尔也有例外。
ล.พ. : เวลาสวดมนต์นะ ถ้าวันไหนฟุ้งซ่านมาก
隆波:念经的时候,如果哪天特别散乱,
สวดมนต์ก็คิดถึงพระพุทธเจ้านะ
一边念经一边忆念佛陀。
สวดเสร็จแล้วก็มานั่งหายใจแล้วรู้สึกตัว
念完经后,打坐觉知呼吸,
หายใจแล้วรู้สึกตัวไป
吸气觉知自己,呼气觉知自己。
หรือใจหนีไปแล้วคอยรู้ ฝึกอย่างงี้จะได้สมาธิขึ้นมา
或者心跑了知道,这样用功,就会得到禅定。
ถ้าวันไหนจิตตั้งมั่นมีสมาธิแล้วทำในรูปแบบ
如果哪天心安住有禅定了,在固定形式修行时,
ก็หัดแยกธาตุแยกขันธ์ กายกับใจคนละอัน
就训练分离蕴界——身与心是不同部分。
ของคุณก็แยกเป็นอยู่ แยกได้อยู่
你已经会分离了,能分离了。
ถ้าแยกธาตุแยกขันธ์เป็นแล้วก็เจริญปัญญาไปเลย
如果已经会分离蕴界了,就去开发智慧——
ดูธาตุดูขันธ์แต่ละอย่างแต่ละอย่างแสดงไตรลักษณ์ไปเลย
去看蕴界,每一部分、每一部分呈现三法印。
งั้นการทำในรูปแบบเนี่ยทำได้หลายอย่างนะ
因此,固定形式的修行可以有好几种方式,
แล้วแต่ แต่ละวันอาจจะไม่เหมือนกัน
取决于每一天的状况,也许不尽相同:
วันนี้แย่มาเลยวันนี้สวดมนต์นึกถึงพระ
今天非常糟,边念经边忆念佛陀,
ให้ใจเย็น ๆ ไว้ ได้แค่เนี้ยวันเนี้ย
让心静一静,今天只能如此;
อีกวันหนึ่งดีกว่านั้นหน่อย
另一天,稍有好转,
ถ้าจิตเคลื่อนแล้วรู้ได้สมาธิที่ดีขึ้น
如果心跑动了,及时知道,就会得到好的禅定;
อีกวันหนึ่งหัดแยกธาตุแยกขันธ์ได้นะ ได้ปัญญาขั้นต้น
再一天,能够分离蕴界,得到初阶的观智(第一观智);
อีกวันนึงเจริญปัญญาไปเลยเห็นแต่ละธาตุแต่ละขันธ์แสดงไตรลักษณ์
又有一天,开发智慧,照见每个蕴界呈现三法印。
แต่ละวันอาจจะทำได้ไม่เหมือนกัน แต่ว่าทุกวันต้องซ้อมนะ
每天修行也许不同,但每天都要坚持练习。
ใจมันอ่อนแรงไปนิดหน่อยเท่านั้นน่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากหรอก
你的心只是稍微有些无力,没什么大问题。
ญ.2 : ค่ะ แล้วบางทีอ่ะค่ะเหมือนกับว่า
居士3:好的,有时感觉好像…
ล.พ. : สังเกตมั้ยใจตอนนี้กับตะกี้ก็เริ่มไม่เหมือนกันละ
隆波:体会到吗?刚才的心与现在不同?
ญ.2 : ไม่เหมือนค่ะ
居士3:嗯,不同。
ล.พ. : ใช่มั้ย ใจมันมีแรงขึ้นรู้สึกมั้ย
隆波:对吧,现在心有了力量,感觉到吗?
ญ.2 : ค่ะ
居士3:是的。
ล.พ. : ใจไม่มีแรงใช้ไม่ได้นะ
隆波:心没有力量,是不行的。
ญ.2 : อย่างบางทีรู้สึกว่า เหมือนกับ เออ มันสว่างช่วงหน้าผากอย่างงี้บ่อย ๆ อ่ะค่ะ
居士3:有时常常感觉在额头前面发亮。
ล.พ. : อันนั้นมันเป็นสมาธินะ
隆波:那是因为心有禅定。
ถ้ามันสว่างแล้วก็นิ่งว่างอยู่นะ
如果亮堂了,宁静、空无,
ตอนมันถอยออกมาเนี่ยมาดูร่างกายไว้เลย
心退出禅定,来观身体。
ดูร่างกาย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
观身体——头发、指甲、牙齿、皮肤等等,
แต่ละส่วนแต่ละส่วนไม่ใช่ตัวเรา
每个部分、每个部分,都不是“我”,
ถ้าจิตไปทรงสมาธิอยู่เนี่ยออกจากสมาธิแล้วต้องมาดูกาย
如果心进入禅定,一旦退出禅定后,要来观身体,
ดูจิตไม่ได้ไม่มีอะไรให้ดู
观心的话,是没有什么可观的。
ญ.2 : หมายถึงชีวิตประจำวันเนี่ย
居士3:您的意思是在日常生活中这么做吗?
บางทีเดิน ๆ เนี่ยค่ะรู้สึกว่ามันจ้า ๆ ตรงหน้าผาก
有时走着走着,就感觉它清楚的在前额。
ล.พ. : นั่นแหละ จิตมันไปติดตรงสมาธิน่ะสิ น้อมเข้าหาสมาธิเรื่อย ๆ
隆波:这是因为心粘着于禅定了,它不断进去找寻禅定,
มันจะหนีออกจากโลกข้างนอกนี้ กลับมารู้สึกร่างกายไว้
ร่างกายไม่พาเรา เราพาร่างกายหนีเข้าฌานไปไม่ได้หรอก
它会逃离外面的世界。你需要回来觉知身体。
มันติดสมาธิ จ้าออกไป
心粘着于禅定,散逸出去了。
ต้องฝึกให้เป็นวสีนะ นึกทำสมาธิก็ทำได้
要训练成为“四自在”:想入定就入定,
นึกจะถอยออกมาก็ถอยได้ นึกจะทรงอยู่ก็ทรงได้
想出定就出定,想保持禅定就保持禅定,
นึกจะเดินปัญญาก็ทำได้ ฝึกให้ชำนาญ
想开智慧就能够开发智慧,训练到驾轻就熟。
สมาธิมีประโยชน์ แต่ถ้าไปติดก็ว่างสว่างไว้ทั้งวัน
禅定是有利益的,但粘着了,就整天光明、空无,
จะยากอะไรเนี่ย(หลวงพ่อทำให้ดู)
有什么难的呢?(隆波演示)
ก็จะให้ว่างสว่างไว้อย่างงั้นไม่เอานะ เอา
就只是让心光明、空无,这是不行的。
ช.2 : กราบนมัสการหลวงพ่อครับ
居士4:隆波您好!
เออส่งการบ้านคราวที่แล้วหลวงพ่อว่า เออสามารถที่จะพอแยกธาตุขันธ์ได้บ้าง
上次给隆波报告禅修进度,隆波说我有时可以分离蕴界了。
แล้วก็ถ้ารวมให้รู้ ถ้าแยกให้รู้
如果聚合,要知道;如果分离,也要知道。
ก็หลังจากนั้นก็ไปปฏิบัติในรูปแบบมากขึ้น ก็รู้สึกว่า
之后固定形式的修行越来越多,
อ่า สติที่เกิดอัตโนมัติมันมีมากขึ้น
觉性越来越自动频繁的生起。
ล.พ. : ขอเวลานอกนิดนะ
隆波:稍微等一下,
ของคุณผู้หญิงนั่นนะเมื่อกี้ทำอะไร เราอย่าไปเพ่งมันนะ
这位女居士,刚才你在做什么?别去紧盯它。
พอนั่งทีแรกก็นั่งแยกธาตุแยกขันธ์ดีใช่ม่ะ
刚开始打坐,分离蕴界,很好的,对吧。
แป๊บเดียวเข้าไปเพ่งละมันไหลเลย
很快就进去紧盯,
ไหลเข้าไปจับว่างสว่างอยู่ อันนี้จิตติดสมถะละนะ
跑进去抓住空无、光明,这个是粘着奢摩他。
พยามค้นคว้าในร่างกายให้เยอะขึ้น
你要尽量多的觉知身体,
ดูร่างกายแต่ละส่วนแต่ละส่วนนะ
一部分、一部分的观察身体,
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก
毛发、指甲、牙齿、皮肤、肌肉、肌腱、骨头等等,
นั่งจับมันแยกเป็นชิ้น ๆ ไป ให้จิตมันเคลื่อนไหวให้จิตมันทำงานนะ
坐着将它分离成一片一片,让心活动、让心工作,
ไม่งั้นเดี๋ยวมันไปติดว่างสว่างอยู่ข้างหน้า
否则,它很快就会粘着在前面的空无、光明。
อ่ะของคุณว่ามา
好的,你请讲。
ช.2 : ครับ แล้วก็รู้สึกว่าพอมันเป็นอัตโนมัติมันจะรู้สึกเบาสบายครับ
居士4:一旦觉性自动自发,就会感觉轻松、舒服。
ล.พ. : เออ
隆波:嗯。
ช.2 : แต่ถ้าแล้วก็มันก็จะแยกอารมณ์ออกมาได้
居士4:接着就可以分离所缘。
ล.พ. : อืม
隆波:嗯。
ช.2 : แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าเราทำแค่นิดเดียวมันก็จะ จะแน่น ๆ ขึ้นมา
居士4:任何时候,只要自己去做了哪怕一点点,都会感到憋闷。
ล.พ. : ใช่
隆波:对。
ช.2 : แล้วก็ เออ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่ตั้งมั่น แล้วก็ เออ ตื่นเต้นครับ
居士4:现在觉得没有安住,而且紧张。
ล.พ. : ถูกแล้ว ถูกนะไปทำต่อไป
隆波:对了,继续用功。
ช.2 : หลวงพ่อมีแนะนำเพิ่มเติม
居士4:隆波有什么建议吗?
ล.พ. : ไปทำนะไปทำอีก
隆波:继续用功。
ช.2 : ก็คือให้ทำในรูปแบบมากขึ้น
居士4:也就是增加固定形式的修行吗?
ล.พ. : ทำอย่างนี้แหละนะ
隆波:就像这样修行,
มีเวลาก็ทำในรูปแบบไป
有时间就在固定形式里修行,
หมดเวลาแล้วก็เจริญสติในชีวิตประจำวันไป
其它时间则在日常生活中修行。
ช.2 : ครับ
居士4:好的。
ล.พ. : ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์
隆波:眼、耳、鼻、舌、身、心与外界接触,
ความรู้สึกสุขทุกข์ดีชั่วเกิดที่จิตมีสติรู้ทันนะ ฝึกไป
感觉苦、乐、好、坏生起在心,及时知道,就这样训练。
ช.2 : ตอนนี้มีบังคับอยู่รึเปล่าครับ
居士4:现在有在打压自己吗?
ล.พ. : ตอนนี้เหรอ
隆波: 现在吗?
ช.2 : ครับ
居士4:是的。
ล.พ. : ตอนนี้มีบังคับอยู่ก็รู้เองนี่
隆波:现在有在打压自己,自己已经知道了,
เมื่อกี้บอกหลวงพ่อว่าแน่น หึ หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
刚才你已经告诉隆波说憋闷,呵呵呵
ช.2 : ครับ ครับ กราบขอบพระคุณครับ
居士4:是的,是的,感恩您。
ล.พ. : บังคับอยู่เมื่อไหร่ก็แน่นเมื่อนั้นอ่ะ มันตึงไป นะ
隆波:什么时候打压,那时就会憋闷。
ถ้าหายแน่นแล้ว หลง ๆ ไปเดี๋ยวก็หายแน่น หย่อนไป
如果憋闷消失,一不留神憋闷就会消失,又会太松。
ญ.3 : นมัสการหลวงพ่อค่ะ ก็ก่อนมาส่งการบ้านนี่ก็ร้อยเท่าโครตทุกข์อ่ะค่ะ เพราะว่าตัณหาเยอะมาก
居士5:隆波您好!在报告进度前觉得非常苦,因为欲望很多。
ล.พ. :
隆波:嗯。
ญ.3 : ยิ่งช่วงที่เห็นตัณหาดับเนี่ยมันก็จะไม่มีปัญหา
居士5:如果看见欲望灭去,是没有问题的,
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วจะลงไปยึดตัณหาตรงนั้นแล้วก็ติดดี ก็
但绝大部分则会跳进去抓取欲望,而且粘着于“好”。
ล.พ. : ห้ามมันไม่ได้
隆波:禁止不了的。
ญ.3 : ฮะ
居士5:啊?
ล.พ. : ห้ามมันไม่ได้
隆波:禁止不了的。
ญ.3 : ใช่แล้วก็เลยทุกข์มาก
居士5:是的,然后非常苦。
ทีนี้พอวันนี้มันปลดเปลื้องไปเยอะมาก เพราะว่ากำลังกำลังเพิ่มขึ้น
今天觉得放下很多,因为力量增强。
ล.พ. : อืม
隆波:嗯。
ญ.3 : ก็เลยเห็นสภาวะตามความเป็นจริงชัดเจนมากขึ้นค่ะ และขอคำแนะนำค่ะ
居士5:于是更加清楚的照见境界的实相,请您开示。
ล.พ. : ก็ไปดูสินะ จิตเศร้าหมองรู้ว่าจิตเศร้าหมองนะ
隆波:就这样去观照吧。心压抑知道心压抑。
ญ.3 : ค่ะ
居士5:好的。
ล.พ. : จิตฟุ้งซ่านรู้ว่าฟุ้งซ่าน จิตเป็นไงรู้อย่างงั้น
隆波:心散乱知道心散乱,心是如何的就知道心那样。
ญ.3 : ค่ะ
居士5:好的。
ล.พ. : ปัญหาของเราก็คือเราอยากให้ปัญหาหายไป นั่นแหละคือปัญหาของเรา
隆波:你希望问题消失,这才是你的问题。
ปัญหาของนักปฏิบัติหล่ะ อยากให้ปัญหาหายไป
修行人的问题,是希望问题消失。
ญ.3 : (หัวเราะ) ค่ะ แล้วก็ดีใจเวลาเห็นตัณหามันดับ
居士5:是的,看见欲望灭去时又会快乐。
ล.พ. : อืม ตัณหาคืออยากนะ
隆波:嗯,欲望就是“想要”。
อยากอะไร อยากให้ปัญหามันหาย หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
想要什么?想要让欲望消失。呵呵。
ปัญหาเป็นของโลกนะ ของประจำโลก
问题是属于世间的,是与世间共存亡的。
หมดปัญหาอย่างนี้ก็เจอปัญหาอย่างโน้น
没有这个问题,就会有那个问题。
ชีวิตกับปัญหาเป็นของคู่กันนะ
生命与问题是共存的。
ถ้าเราเข้าใจความจริงตัวนี้ ความอยากไม่เกิดขึ้น
如果明白这个真相,欲想就不会生起。
ความทุกข์จะเข้ามาไม่ถึงใจ ปัญหาก็จะอยู่ส่วนปัญหา
痛苦抵达不了心,问题则只是问题。
ก็แก้ไปเหนื่อยแต่ร่างกายนะแต่จะเข้ามาไม่ถึงใจ
累的只是身体,但到不了心。
ญ.3 : เพราะว่าปกติแล้วจะเป็นคนชอบปกป้อง ไม่ให้เกิดปัญหา
居士5:因为我习惯于防卫,不想让问题产生。
ล.พ. : มันทำไม่ได้หรอก
隆波:做不到的。
ญ.3 : ค่ะ
居士5:是的。
ล.พ. : มันเป็นอนัตตา อ่ะไป
隆波:它是“无我”的。
ญ.3 : เห็นถี่มาก อนัตตา
居士5:特别频繁看见“无我”。
ล.พ. : หา อะไรนะ
隆波:啊?什么?
ญ.3 : อนัตตา เห็นถี่มากก็เลยทุกข์มาก
居士5:特别频繁看见“无我”,心非常苦,
จิตมันก็เลยดิ้นรนที่จะหลุด
心拼命地想脱离。
ล.พ. : เออ ก็ดีแล้วหล่ะ
隆波:嗯,很好。
ถ้าเห็นถี่มาก ๆ แล้วจิตทนไม่ไหวต้องทำสมถะ นะ
如果特别频繁看见,心受不了,需要修习奢摩他。
ญ.3 : ทำยังไงอ่ะค่ะ มันไม่ค่อยยอมทำ
居士5:怎么修?它不太愿意修。
ล.พ. : ก็คิดถึงเข้าไปพระพุทธเจ้านะ บริกรรมพุทโธ พุทโธไปอย่าอยากสงบ
隆波:忆念佛陀,念诵佛陀、佛陀,别期待宁静。
ญ.3 : ค่ะ
居士5:好的。
ล.พ. : พุทโธไปเรื่อย ๆ นะ เดี๋ยวมันก็สงบเอง
隆波:持续“佛陀”下去,很快它会自然宁静。
ถ้าอยากสงบจะไม่สงบนะ
如果期待宁静,是不会宁静的。
ญ.3 : ใช่เพราะว่าพุทโธเค้าก็ไม่ชอบค่ะ แต่ว่าถ้านึก
居士5:是的,因为心不喜欢念诵“佛陀”,它想…
ล.พ. : ไม่ชอบก็เอา ไม่งั้นจะตามใจมันไป
隆波:不喜欢也念诵,否则就太随心所欲了点。
ญ.3 : ใช่มีคนว่าบอกว่าไม่เด็ดเดี่ยวเรื่องพุทโธ
居士5:对,有人说我念诵“佛陀”不太坚定。
ล.พ. : เออ ต้องเด็ดเดี่ยวสิ พุทโธไปเลย ฝากเป็นฝากตาย
隆波:嗯,一定要坚强,念诵“佛陀”下去,生死相伴。
พุทโธแล้วกลุ้มใจรู้ว่ากลุ้มใจนะ พุทโธไปเรื่อยไม่เลิกเลย
念诵“佛陀”了,郁闷知道郁闷,持续念,绝不放弃。
ญ.3 : ค่ะ ตอนนี้ใช้วิธีติดรูปพระพุทธเจ้ารอบบ้านเลย ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
居士5:好的,现在用的方法是家里到处贴着佛像,感恩!
ล.พ. : เอาต่อไป
隆波:好的,下一个。
ล.พ. : มีนะบางคนเอารูปหลวงพ่อไปติดรอบบ้านนะ
隆波:有人在家里到处贴满隆波的照片,
หลวงพ่อนะคนเห็นหน้าได้ที่ไหนเห็นหน้าแล้วเครียดอ่ะ สะดุ้งอ่ะ
每次见到隆波都会紧张又害怕,
หันทางนี้ก็สะดุ้ง หันทางนี้สะดุ้งนะ
照片贴在哪里,到了那里就会吓一跳。
เสร็จแล้วเลยถอดรูปมาเอามาให้หลวงพ่อ
最后取下照片送给隆波,
บอกเอาไปเผา อยู่ดีดีมายกให้เรา
告知说原本打算去烧掉,后来跑来送给我,
เราก็ไม่เอา หึ หึ
我也不要,呵呵
ช.3 : กราบหลวงพ่อครับ หลวงพ่อครับของผมนี้ใช้อะไรเป็นวิหารธรรมดีครับ
居士6:隆波您好!我观什么好?
ล.พ.: หา ดูร่างกายเนี่ยนะ ใจมันยังซึมไป
隆波:啊?你可以观身,因为心还是昏昏沉沉的。
จิตมันยังซึมๆไป เห็นร่างกาย กระดุ๊กกระดิ๊ก กระดุ๊กกระดิ๊กไป
心依然昏沉,就来观身,动动这里,动动那里。
มีผู้หญิงคนหนึ่งนะเกษียณแล้ว กวาดบ้านถูบ้าน ทำงานบ้านซักผ้านะ
有位大妈,已经退休了,扫地、拖地、洗衣服等家务,
เคลื่อนไหวแล้วรู้สึก ภาวนาเก่งมากเลยนะ
移动了,觉知。修行非常棒。
เคลื่อนไหวรู้สึก เคลื่อนไหวรู้สึกนะ
移动,觉知;移动,觉知。
รู้สึกมั้ยว่าใจมันจะชัดเจนขึ้น นะ
感觉到吗?心会清晰一些?
จะไปดูจิตตรง ๆ นะจะดูยาก
直接去观心的话,比较难。
ช.3 : ขอบคุณครับ
居士6:谢谢!
ช.4 : กราบหลวงพ่อครับ นี่ส่งการบ้านเป็นครั้งแรก
居士7:顶礼隆波!这是我第一次做禅修报告。
อยากถามหลวงพ่อว่าที่ผมปฎิบัติมาเนี้ย ถูกต้องมั้ยครับ
想问隆波,我的修行对吗?
ล.พ.: ถูกซิ ทำไมจะไม่ถูกล่ะ
隆波:对。为什么不对呢?
เห็นมั้ยกายกับใจเป็นคนละอัน
看见吗?身与心不是一回事?
อันนี้ดูออกมั้ย
这个,看得出吗?
ช.4 : ครับ
居士7:是的。
ล.พ.: เห็นเปล่า สุขทุกข์กับจิตใจก็คนละอัน
隆波:看见吗?苦乐与心是不同的部分,
กุศลกับอกุศลกับใจก็คนละอัน
善、不善与心也是不同的部分。
เมื่อแยกขันธ์ได้แล้วนะ มันไม่ยากแล้วการปฎิบัติต่อไปเนี้ย
一旦能够分离蕴了,修行就不再困难,
ดูขันธ์มันทำงานไป จิตโง่เมื่อไรจิตก็เข้าไปแทรกแซงเมื่อนั้น
看着蕴它们工作,心何时愚痴,就会进去干扰。
จิตไม่โง่ จิตก็เป็นคนดู
心不愚痴,就会成为观者。
ช.4 : ครับ
居士7:好的。
ล.พ.: นะ สุดท้ายมันจะเห็นความจริง ขันธ์ไม่ใช่ตัวเรา
隆波:最后它会看见真相,蕴不是“我”,
เป็นแค่สิ่งที่ถูกรู้ชั่วครั้งชั่วคราวผ่านมาแล้วก็ผ่านไปนะ
只是临时存在的被觉知的对象,来了就走。
ไปทำต่อไปนะ เซล์ฟ(self)จัดมั้ย
去用功!你是很自我的人吗?
ช.4 : ก็ครับ
居士7:是的。
ล.พ.: อ่ะนะไปดูตัวนั้นแถมให้
隆波:可以去看那个。
ช.5 : กราบนมัสการครับหลวงพ่อครับ ผมขอโอกาส อ่า.. มารายงานผลการปฏิบัตินะครับ
居士8:隆波您好!请允许我报告禅修进度。
คือผมปฏิบัติมาสี่ปีกว่า ๆ แล้วครับ พยายามยึดหลักตามคำสอนของหลวงพ่อ
修行4年多了,尽力牢牢掌握隆波教导的原则,
ก็พยายามใช้โยนิโสมนัสสิการมาเทียบเคียงกับคำสอนของหลวงพ่อ
也就是努力的以隆波教导的原则来如理思维。
ก็ผมคิดว่าผมทำได้ระดับหนึ่ง
我觉得自己的修行有一定的进展,
แต่จิตมันคิดอยู่เสมอว่า เอ้.. จะทำถูกจริงมั้ย อะไรพวกเนี้ย
但心常常怀疑是否是真的。
ล.พ.: ให้รู้ ให้รู้เข้าไปเลยนะ
隆波:直接去现观,
หลวงปู่ดูลย์นะ ท่านเรียกจิตชนิดนี้ว่าจิตจะหาพยาน หึ ๆๆ
隆布敦长老称这样的情况为“心想找证人”,呵呵呵。
จิตมันจะหาพยาน หึ นะ ภาวนานะ บางคนภาวนาถูกแล้วดีแล้วนะ
心想找证人,有些人已经修对且修得很好了,
มาหาท่านจิตผมเป็นอย่างนี้ อย่างนี้ จิตผมเป็นยังไง
来找长老说,我的心这样那样,我的心如何呢?
จิตจะหาพยาน เฮ่อ ฮิ ๆๆ
心想找证人。
มันเป็นอย่างนี้ รู้เป็นอย่างนี้แหละ ดีที่ฝึกน่ะ
它是怎样的,就知道是那样的。你修得很好。
ช.5 : อ่า ผมรายงานการปฎิบัติคร่าว ๆ ได้มั้ยครับ
居士8:我简单报告一下自己的修行,行吗?
หลวงพ่อ คือก็เอาตามที่หลวงพ่อสอนไว้ก็คือเบื้องต้นผมนะ จะทำในรูปแบบนะครับ
按照隆波的教导,起步阶段,在固定形式内修行,
ก็ นั่งทำสมถกรรมฐานก่อนนะครับ จนจิตสงบ
会先修行奢摩他,直到心宁静,
หลังจากนั้นก็ถอยจิตออกมานิดหนึ่ง
那之后心稍微退出一点。
แล้วก็ อ่าใช้ลมหายใจเป็นวิหารธรรมนะครับ ก็ดูช่วงแรกก็ดูสภาวธรรมที่เกิดขึ้น
สภาวธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
然后觉知呼吸,再观那些生起的现象,
ช่วงไหนที่ไม่มีสภาวธรรมผมก็จะแยกธาตุแยกขันธ์
如果哪段时间没有现象可以观,就去分离蕴界,
จนจิตที่ตั้งมั่นดีแล้ว หลังจากนั้นผมก็เดินปัญญาต่อ
直到心能很好地安住了,那之后我接着开发智慧。
ช่วงเดินปัญญาก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ช่วง..
开发智慧的阶段,将会清楚地看见——
ช่วงที่เรานั่งอยู่ที่แยกธาตุแยกขันธ์อยู่จะเห็นว่าร่างกายนั้นไม่ใช่ตัวเรา ครับ
打坐分离蕴界的阶段,就会看见身不是“我”,
เห็นชัดเจนคือเห็นอนัตตานะครับ
清楚照见“无我”。
ส่วนความทุกข์ความสุขก็เช่นเดียวกันนะครับ ก็สามารถจะแยกได้
至于苦乐则是同样的,也能够分离。
ล.พ.: นั้นนะดีนะ แยกตัวนี้ได้
隆波:那样很好,能够分离这个。
เราก็ภาวนาต่อได้แล้วล่ะ
你的修行就可以继续了。
บางคนบอกทำวิปัสสนานะ
有人号称自己修习毗钵舍那,
แต่แยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้เลย มันทำไม่ได้จริงหรอก
却无法分离蕴界,这并不是真的毗钵舍那。
พอเราแยกธาตุแยกขันธ์ได้
一旦我们能够分离蕴界,
แต่ละธาตุ แต่ละขันธ์นั้นนะมันแสดงความไม่ใช่เราทั้งหมดนะ
每一蕴、每一界,全都呈现“无我”。
ดูเขาทำงานไปจนวันหนึ่งใจยอมรับ ตอนนี้ยังไม่ยอม
观它们工作,直到有一天心愿意接受。
ใจยังหวงอยู่ เห็นเปล่า
心还在期待,看见了吗?
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เรานะ แต่หวงนะ
“无我”,“无我”,但还有期待。
ช.5 : เห็นเป็นบางครั้งเท่านั้นเองว่าไม่ใช่เรา
居士8:只是偶尔看见“无我”,
แต่ส่วนใหญ่ใช่เรา
但绝大部分还是“我”。
ล.พ.: มันยังหวงอยู่ เออนะไปทำอีกจนใจมันยอม
隆波:它还有在期待,去用功,直到心接受。
ช.5 : ใช่ ๆ
居士8:是的,是的。
ล.พ. : เออนะไปทำอีกจนใจมันยอม
隆波:嗯,继续用功,直到心臣服。
ช.5 : เออช่วงที่เห็นปัญญา ที่มันเห็นว่าไม่ใช่ตัวเราที่มันเห็นไตรลักษณ์
居士8:在生起智慧时,看见三法印中的“无我”,
คือช่วงนั้นมันแว๊ปปเดียวเท่านั้นเอง นอกจากที่เราไม่ตั้งมั่นแล้ว
只是极短一瞬间,之后就没有安住了,
เรามาดูข้างนอกว่า มันเกิดปัญญาเกิดอย่างไง รู้สึกว่าจะเรียบเรียงยาก
想体会智慧是如何生起的,感觉很难描述。
ล.พ.: เรียบเรียงไม่ได้หรอกน่า พูดยาก แปลยาก
隆波:无法描述的,很难表达,很难翻译。
เพราะสภาวะบางอย่าง เรารู้เราเห็นนะ ในขณะที่ปฏิบัติเนี้ย
因为有些现象,是在修行的当下,自己亲证的。
พอจะมาทบทวนเรียบเรียงเป็นถ้อยคำนะ พูดไม่ออกนะ
一旦要通过回忆描述成文字,就会说不出来。
พอพูดออกมานะตื้นนิดเดียวเลย
即便说出来了,会发现非常肤浅。
เวลาที่ใจมันรู้ทรงสมาธิเกิดความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งมากเลย
心保持禅定生起的领悟非常深邃,
แต่พอถอยออกจากสมาธิมาอยู่ในโลกเนี้ย แล้วจะมาบัญญัติให้คนอื่นฟังนะ
当退出禅定,回到这个世间,分享给别人听,
ตื้นนิดเดียวเลย รู้สึกว่า เอ๊ะทำไมมันเป็นอย่างนี้นะ
就会感到非常肤浅,觉得‘嗯,怎么会是这样的呢?’
มันเป็นอย่างนั้นแหละ
就是那样的。
ช.5 : มันมีอีกข้อนึงครับ เออคือ ที่ผมปฎิบัติเนี่ย
居士8:还有一点,我修行的时候,
มีความรู้เลยว่า จิตเนี่ยมันจะชอบหยิบ อ่า สภาวะต่างๆมานึกคิดปรุงแต่งอยู่เสมอ
感觉心喜欢拿各种现象来左思右想、演绎造作。
ล.พ.: อืมม ใช่
隆波:嗯,对。
ช.5 : แล้วถ้าตราบใดไม่ตั้งมั่นไม่มีสติ
居士8:如果何时没有安住、没有觉性,
มันก็จะเข้าไปทิ่มไปเสียดแทงจิตใจเรา
它就会刺进我的心;
แล้วถ้าเรามีสติเห็นความทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ เข้าก็จะดับไป
如果有觉性,看见一丁点苦进来,就灭去。
ล.พ. : แต่เราไม่ได้ปฎิเสธมันนะ
隆波:但我们并不拒绝它。
ของคุณต้องดูไป มันยังปฎิเสธอยู่
你要继续去观,它依然有在抗拒。
ยังไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ไอ้นี่ไม่เอา
还不要——这也不要,那也不要,
อย่าไปแอบ ไปปัด ๆ มัน
别去偷偷拒绝它。
ช.5 : ขอบพระคุณมากครับ
居士8:非常感恩!
ช.6 : กราบนมัสการครับหลวงพ่อ
居士9:隆波您好!
หลวงพ่อครับคือว่า เหมือนกับช่วงนี้มันปฏิบัติแล้ว
最近这段时间的修行,
ก็เหมือนหลับในตลอดเวลาเลยครับ เดินหลับในเลยครับ
好像内在一直是睡着的,经行时也是如此。
ล.พ.: เอ่อ ไม่เป็นไร
隆波:嗯,没关系。
ช.6 : แล้วก็พอล้มปุ๊ปเนี้ย มันจะเห็นเป็นชอต ๆ ๆ
居士9:然后一旦跌倒,就像在看慢动作,
โชคดีไปอ่ะครับ ไม่งั้นหัวฟาดตลอดเลย
还是很幸运,否则头会一直撞墙的。
ไม่ทราบว่าควรทำยังไงดีครับ
不知道应该怎么做才好?
ล.พ.: ทำอะไรไม่ได้หรอกมันเป็นอยู่ช่วงหนึ่งนะ
隆波:做不了什么的,它会持续一段时间。
ช.6 : ครับ
居士9:好的。
ล.พ. : ช่วงหนึ่งจิตมันเบื่อ จิตมันมีนิพพิทา
隆波:一段时间心它厌倦,心生起厌离心。
ช.6 : ครับ
居士9:好的。
ล.พ.: นั้นบางที่มันหลบเข้าข้างในไม่อยากรับรู้ ห้ามมันไม่ได้หรอก
隆波:有时它会逃进里面,不想接触,禁止不了的。
ช.6 : ครับ
居士9:好的。
ล.พ.: หลวงพ่อก็เคยเป็น เดินอยู่ก็หลับนะ นั่งขัดตะมาดเพชรก็หลับนะ
隆波:隆波曾经也这样,走也会睡着,双盘也睡着。
ช.6 : ครับ นั่งคุยก็หลับครับ
居士9:嗯,坐着谈话也睡着。
ล.พ.: โอ้ เป็นเอามากนะ
隆波:哦,很严重。
ช.6 : ครับ ฮะๆๆๆๆ
居士9:是的,哈哈哈。
ล.พ.: ฮะๆๆ แสดงว่าไอ้คนที่เราคุยด้วยเนี่ยมันไม่น่าสนใจเลย ฮึๆๆๆ
隆波:呵呵,说明跟你谈话的人很无趣。
ช.6 : ครับ นั่ง ๆ อยู่ แบบ มันก็ฟุปไปเลยครับ
居士9:嗯,坐着坐着就趴下了。
ที่เป็นหนักคือล้มเลยครับ อยู่ ๆ เดิน ๆแล้วล้มไปเลยครับ
更严重的是,走着走着摔倒。
ล.พ.: หา เหรอ ไปให้หมอเค้าเช็คสมองบ้างไหม
隆波:啊?真的?找医生检查神经系统吗?
ช.6 : ไปแล้วครับ หมอบอกไม่เป็นอะไรครับ อาจจะนิดหน่อยครับ
居士9:去了,医生说没问题,也许有一丁点问题。
ล.พ.: ถ้าไม่เป็นไรก็ เฮ้อ ๆ ๆ กินเหล้าหรือเปล่าละ
隆波:如果没问题,呵呵呵,你喝酒吗?
ช.6 : ไม่ทานครับ
居士9:不喝的。
ล.พ.: เอ่อดี อย่าไปกินนะ เดี๋ยวจะเป็นเยอะ
隆波:嗯,很好,别去喝,否则会加重。
ช.6 : ถือศีลห้าตลอดชีวิตเลยครับ
居士9:一生始终持守五戒的。
ล.พ.: โอ้ สาธุ สาธุให้สามทีเลย
隆波:哦,善哉,善哉,善哉!送你三次。
ช.6 : หลวงพ่อครับขอการบ้านด้วยครับ
居士9:请隆波开示。
ล.พ.: คือมันจะหลับจะอะไรก็ช่างมันนะ
隆波:它想睡着,就随便它。
ภาวนา แต่ถ้ามันจะหลับมากนัก ก็อย่าไปทำอิริยาบถที่ล่อแหลมมาก นะ
继续修行,如果特别瞌睡,别去太危险的地方活动,
อย่างไปเดินริมถนนแล้วหลับแล้วเดินเข้าถนนอย่างเนี้ยไม่เอา
比如去马路边经行后,结果跑到马路上,这样不要。
หลวงพ่อก็เคยเป็น แล้วเป็นอยู่เป็นเดือนแก้ไม่ได้
隆波就曾经这样,持续一个月都解决不了,
ขนาดนั่งขัดตะมาดเพชร เจ็บแทบแย่นะก็หลับนะ
双盘痛到受不了,却也能睡着。
เดินจงกรมหัวโขกฝาเลยหลับ ไปหาหลวงปู่สิม หลวงปู่สิม
经行头撞到墙,也睡着,然后去找隆布信长老,
ไปหาท่าน วันที่ห้าสิงหาปีสองหก หลวงปู่ ไปเล่าให้ท่านฟัง
1983年8月5日,去找隆波信长老,给长老做汇报,
ท่านบอกผู้รู้ ๆ อย่าสงสัยอะไรทำไปเหอะ
长老说:“知者、知者,别怀疑,继续用功!”
ครูบาอาจารย์บอกไม่ให้สงสัย หลวงพ่อ ก็เลยไม่สงสัย
长老嘱咐别怀疑,隆波就不再怀疑了。
ถ้าเป็นพวกเรา น่าหลวงปู่บอกซะหน่อยน่า เหอะ ๆ ๆ ก็มันสงสัย เหอะ ๆ ๆ
如果是我们大家——长老再多说一点嘛?因为有怀疑。
เนี่ยคนโบราณนะกับคนรุ่นเรานี้ไม่เหมือนกัน
以前的人与我们现在的人不同,
รุ่นหลวงพ่อเนี้ย ครูบาอาจารย์สั่งให้จบเลยแค่นั้นเลย ไม่ต่อ ไม่ต่อรอง
隆波这代人,老师说完就结束了,不会再继续想它。
บอกผู้รู้ ผู้รู้จะสงสัยอะไร ทำไปเถอะ
“知者、知者,怀疑什么呢,继续用功吧!
แล้วจะได้ของดีในพรรษานี่แหละ
然后会在这次结夏安居期得到好东西。”
ไม่ถามด้วยของดีอะไร ต้องสู้เอา
都没有问是什么好东西,必须敢打敢拼。
ช.6 : งั้นสู้ตายเลยนะครับ
居士9:要战斗到死吗?
ล.พ.: เอ้อ แต่ว่าอย่าไปเดินที่ล่อแหลมนะ
隆波:嗯,但别去危险得地方经行。
ช.7 : ครับ กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ก็เป็นการส่งการบ้านครั้งแรกครับ
居士10:隆波您好!我是第一次做禅修报告,
แล้วก็เพิ่งเริ่มฟังซีดีหลวงพ่อได้ประมาณปีนึงครับ
听隆波法谈CD大概有一年了,刚刚才知道:
เพิ่งรู้ว่าแต่ก่อนไม่เคยรู้สึกตัวเลยครับ
以前不曾觉知自己。
ล.พ.: อืม ใช่ๆๆ
隆波:嗯,对。
ช.7 : หลงได้ทั้งวันเลยครับ ใช้ความคิดเยอะครับ
居士10:一整天处于迷失之中,念头、思维很多,
แต่ว่าพอปีที่ผ่านมาครับ รู้สึกตัวมากขึ้น
而最近一年来,觉知自己逐渐多了起来。
แต่พบปัญหาว่า อย่างบางทีครับ เรารู้สึกตัว
但有个问题,有时觉知自己,
หรือว่าบางทีเราคิดนำไปว่าเราต้องรู้ ก็เลยอย่างบางทีจะมีการบางแว๊บ..
或者有时思维提醒自己要觉知,于是有时会有…
ล.พ.: ไม่ ไม่ ไม่สำคัญนะ
隆波:那些不重要。
ให้รู้ว่ากำลังสงสัยอยู่ รู้ลงปัจจุบันเลย
要知道当下正在怀疑,要直接觉知当下。
ไม่ต้องเอาอย่างอื่นแระ ไม่ต้องวิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์อะไรหรอก
不用去追求别的,不用去探究和思维。
เอ้ นี่รู้ถูกหรือรู้ไม่ถูกนะ รู้ว่ากำลังสงสัยอยู่
‘这样觉知对还是不对呢’要知道正在怀疑,
นี่ถูกเป๊ะเลย
这样就刚好对。
เหมือนหลวงพ่อแต่ก่อนนั่งภาวนานะ เห็นเทวดา เอ๊ะเทวดาจริง หรือเทวดาปลอมวะ
以前隆波打坐,看见天神,‘天神是真的还是假的?’
เนี้ยถูกหลอกแล้วนะ
这就已经被欺骗了。
จริง ๆ ใจสงสัย รู้ว่าสงสัยจบละ
事实上,心怀疑,知道怀疑,就结束了。
ช.7 : และก็ อย่างบางที่ตอนก่อนนอนนะครับ ผมมีการสวดมนต์นั่งสมาธิ
居士10:在睡觉前,我会念经、打坐,
ทีนี้จะมีปัญหาเกิดขึ้นก็คือ อย่างบางทีวันไหนที่นั่งสมาธินะครับ แล้วก็พอหนีไปคิดเราก็รู้
有一个问题就是,有些天打坐后,心一跑就知道,
แต่อย่างบางวันนี้จิตมันไม่ค่อยหนีไปคิดเลยครับหลวงพ่อ ครับอย่างนี้เราจะแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ
但有些天心不太跑去想,我应该怎么办?
ล.พ.: มันเป็นไร มันไม่หนีไปคิด แล้วมันทำอะไร
隆波:没关系,它不跑去想,它做什么?
ช.7 : คือมัน บางวันเราฟุ้งซ่านเยอะหนีไปคิดเยอะ
居士10:有些天特别散乱,跑去想比较多,
แล้วก็รู้ตามทันมันเยอะ บ่อยขึ้น
然后紧随着知道也多,频率也高。
แต่อย่างบางวันอ่ะครับ เรานั่งสมาธิไปซักพัก ก็ยังไม่ค่อยหนีไปคิดเลยครับ
而有些天打坐一段时间,并不太跑去想,
หลวงพ่อครับ ก็เลยไม่รู้เราต้อง
我不知道该怎么做。
ล.พ.: ให้รู้ไปใจมันหงุดหงิดใจว่ามันไม่ยอมหนี ฮึ ๆ
隆波:要知道心烦躁不安,说它不愿意跑。呵呵呵。
ใจไม่ได้เป็นกลางจริงอ่ะ ส่งสัยว่าทำไมไม่หนี
心并没有真的保持中立。心在怀疑说‘为什么不跑?’。
วันนี้ไม่ได้เดินปัญญาเลย ไม่ดีเลยอะไรเงี้ย
‘今天根本没有开发智慧,修行不好。’
ช.7 : อะครับ คือแค่รู้เฉยๆก็พอ
居士10:是的。就只是知道,就足够了?
ล.พ.: แค่รู้ลงปัจจุบันนะ ไม่มีอย่างอื่นหรอก
隆波:就只是觉知当下,没有别的。
ช.7 : ครับ แล้วสุดท้ายหลวงพ่อจะมีอะไรจะชี้แนะเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ
居士10:好的,最后隆波有什么要交待的吗?
ล.พ.: อย่าใจร้อนนะ
隆波:别着急。
ช.7 : ครับ
居士10:好的。
ล.พ.: ทำได้ดีนะ ปีหนึ่งทำได้อย่างนี้เก่ง
隆波:修得很好,一年能够做到这样,很棒!
เห็นมั้ยขันธ์มันแยกได้ ดูเอา
看到吗?蕴能够分离?要用功。
เป็นเรื่องแปลกคนในโลกไม่รู้สึกตัวหรอก
世间的人很奇怪,不觉知自己,
ในโลกไม่ค่อยมีคนรู้สึกตัว แปลกมะ หึ ๆ อ่ะ(คนต่อไป)
世间不太有觉知自己的人。
ญ.4 : ค่ะ คือ ตอนนี้ปฎิบัติโดยเห็นตัวเองทำทุกอย่างอยู่ในชีวิตประจำวัน
居士11:我现在的修行是,透过日常生活中做的一切反观自己。
ล.พ.: ถูก
隆波:对的。
ญ.4 : ทีนี้ในสภาวะที่เห็น ตอนนี้มันเกิดความคิดที่ว่า สิ่งที่จิตไปเห็นตาม อย่างนั้นใช่ไหมเจ้าคะ
居士11:去知道那些被心看见的现象,这样对吗?
ล.พ.: ฮื้อ?
隆波:嗯?
ญ.4 : มันเกิดไปก่อนแล้วเรา จิตเป็นผู้รู้
居士11:它们先生起了,心才知道。
ล.พ.: ใช่
隆波:对的。
ญ.4 : ผู้รู้จะตามอยู่ทุกขณะ
居士11:知者会紧随着每个瞬间吗?
ล.พ.: คือถ้าร่างกายเนี่ยนะมันรู้ตอนนี้ได้เลย
隆波:如果是身体,能够知道当下,
เคลื่อนไหวมันรู้เดี๋ยวนี้ได้เลย
移动了,当下马上知道。
แต่ถ้าเป็นความรู้สึกทางใจมันจะรู้ตามหลัง
而如果是心里的感觉,则是紧随着知道的。
ญ.4 : เกิดดับเกิดดับตลอดเวลา
居士11:始终在生灭之中。
ล.พ.: ใช่ ๆ นะจิตโกรธเกิดขึ้น แล้วก็จิตที่มีสติเกิดขึ้น
隆波:对对,生气的心生起,然后有觉性的心生起,
ไอ้จิตโกรธก็ดับไป จิตมีสติขึ้นแทน
就是生气的心灭去,有觉性的心起来代替,
เดี๋ยวก็เป็นจิตหลงเกิดขึ้น จิตที่มีสติก็หายไป เกิดดับ
很快迷失的心生起,有觉性的心消失、灭去。
ญ.4 : คือแม้แต่มือที่เอื้อมไป หรือว่า
居士11:包括手伸出去或者…
ล.พ.: ถูก
隆波:对。
ญ.4 : แบบว่ากำลังคุยกับใครอยู่เนี่ยแล้วจะเห็นสภาวะคือปากเราขยับ
居士11:比如正在与谁谈话,看见自己嘴巴动,
เสียงเนี่ยเราจะได้ยิน เลือดในกายเดิน อย่างนั้นถือว่า
我们听到的声音、循环在身体的血液,那些称为…
ล.พ.: อย่างนั้นเราก็เห็นนะว่า ร่างกายกับจิตมันคนละอันกัน
隆波:那样也会看见身体与心是不同部分,
ร่างกายมันก็ทำงานของมันได้เอง มันไม่ใช่ตัวเราหรอกนะ
身体能够自行运转,它不是“我”,
ก็ดูไปเรื่อยๆ อย่าไปเพ่งนะ
持续观下去,别去紧盯。
ญ.4 : แล้วต้องเพิ่มเติมอะไรมั้ยเจ้าคะ
居士11:有什么需要改进的吗?
ล.พ.: ก็ระวังอย่าไปจ้องถลำลงไปจ้องมันนะ
隆波:小心,别跳进去紧盯。
ดูร่างกายก็ดูไป ร่างกายเคลื่อนไหวใจอยู่ต่างหาก
观身就去观身,身体移动,心在另一处,
ใจไม่เข้าไปเกาะมัน นะอย่าให้ถลำไป
心别跳进里面,别紧盯。
ญ.4 : แต่สมาธินี่คือไม่ การจะนั่งทางด้านสมถะนี่คือนั่งสมาธินี้คือไม่ค่อยได้ทำ
居士11:至于打坐修习奢摩他,我还不怎么练习,
เพราะเพียงแต่ว่าไม่ได้ทำเป็น เป็นกิจวัตร ถือว่ายังยังต้อง
还没有进行常规的训练。
ล.พ.: ถ้าทำได้ทุกวันดีนะ
隆波:如果能够每天练习,是很好的。
ถ้าเราไม่ซ้อมทำสมาธิเลยเนี่ยแล้วเจริญปัญญารวดไปเลย
如果不练习禅定,只是一味开发智慧,
ถึงจุดหนึ่งกำลังเราไม่พอ จิตจะฟุ้ง
到了某一点力量就不够,心会散乱。
พอกำลังไม่พอเนี่ย เราเห็นสภาวะเนี่ย จิตมันจะเคลื่อนตามสภาวะไป
一旦力量不够,观照时心就会跟着境界走。
เช่นเราเห็นกิเลสขึ้นมา เราไปดูกิเลสปุ๊บ
比如,我们看见烦恼习气生起,看见烦恼的刹那,
ถ้าสมาธิเราไม่พอนะ
如果禅定不够,
จิตจะไปจับที่กิเลส พอกิเลสมันเคลื่อนหนีออกไปข้างนอกเนี่ย
心就会去抓住烦恼,一旦烦恼逃离到外面,
จิตจะเคลื่อนตามมันออกไป พอกิเลสดับปั๊บนะ
心会随它跑动,一旦烦恼灭去,
จิตจะไปติดความว่างอยู่ข้างนอกเลย
心就会粘着在外面的空,
สว่างว่างแล้วไปติดค้างอยู่
光明、空无,心就会被卡在外面。
งั้นตัวจิตที่ตั้งมั่นเป็นเรื่องสำคัญนะ
因此,安住的心是非常重要的。
วิปัสสนูปกิเลสทั้งสิบชนิดเนี่ย
十种“毗钵舍那的杂染”,
เป็นผลพวงจากการที่จิตไม่มีสมาธิพอ
全是由于心的禅定不足而引起的,
ถ้าจิตตั้งมั่นถึงฐานจริงๆนะ วิปัสสนูทั้งหมดจะดับไปหมดเลยนะไม่ว่าอะไรทั้งหมดเลย
如果心真的归位安住,所有“毗钵舍那的杂染”全会消失。
ญ.4 : แต่ปัญหาที่เคยเกิดกับตัวเอง ที่ไม่ได้นั่งสมาธิ
居士11:我的问题是没有打过坐,
เพราะว่า มันเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวเล็กลง
因为好像自己钻入缩得特别小的点,
เหมือนถูกบีบเข้าไปในกล่องๆ หนึ่งคะ
像被压进一个盒子里。
ล.พ.: เราอย่าไปนั่งสมาธิด้วยการเริ่มต้นในการบังคับตัวเองนะ
隆波:别在打坐的一开始就打压自己,
อย่าไปดัดแปลงจิต ถ้านั่งคือนั่งอยู่แล้วเนี่ย
别去改造心。本身就已经坐着了,
หายใจไปรู้สึก หายใจไปรู้สึก
呼吸了,觉知;呼吸了,觉知。
จิตเคลื่อนแล้วรู้ จิตเคลื่อนแล้วรู้นะ
心游移了,知道;心游移了,知道。
แล้วมันสงบเองอย่างนี้ใช้ได้
心自己宁静,这样可以。
แต่ถ้าเริ่มนั่งปุ๊บเราก็เริ่มบังคับร่างกาย เริ่มบังคับจิตใจ
而如果一开始就强迫身、打压心,
ต้องบีบตัวเองลงไปหวังว่าจะสงบ
一开始就压迫自己,希望心会宁静,
มันกลายเป็นการแทรกแซงมันมันไม่ใช่สมาธิที่ดี
这样就变成干扰它了,这不是好的禅定。
เพราะงั้นนั่งไปเหอะสงบก็ได้ ไม่สงบก็ได้
因此打坐,宁静也行,不宁静也行。
ขอให้ได้นั่ง ต้องแบบนั้นนะแล้วจะสงบง่ายมากเลย
只管打坐,只有这样,才会很容易宁静的。
แต่กว่าจะสรุปได้อย่างนี้นะ
但要想真的做到这种程度,
ภาวนากันนานนะ ฮึ ๆ ๆ
则要修行很久很久。呵、呵、呵、
ญ.4 : หลวงพ่อจะให้การบ้านไหมเจ้าคะ
居士11:隆波要布置家庭作业吗?
ล.พ.: ให้ไปแล้วไงนะ สมาธิต้องทำนะ
隆波:已经安排了。禅定需要修,
ไม่อย่างนั้นใจจะเหี่ยว ๆ ไป ใจจะเฉา ๆ ไป
否则心会慢慢憔悴、萎靡不振。
ญ.4 : งั้นตกลงว่าในชีวิตประจำวันคือที่ทำอยู่แล้ว
居士11:事实上日常生活中的修行已经在进行了…
ล.พ.: ได้แต่ว่ากำลังเราจะไม่พอ ต้องทำในรูปแบบ
隆波:可以,但你的心力不够,需要在固定形式里修行。
หลวงพ่อเจอมาด้วยตัวเองนะ หลวงพ่อนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก
隆波自己亲身经历过,隆波小时候就开始打坐,
ตั้งแต่เจ็ดขวบ เดินปัญญาไม่เป็นนะ
七岁就开始,不会开发智慧,
ทำสมาธิ 22 ปี เรื่องสมาธินะทำว่องไว
修习禅定22年,非常娴熟。
นี้พอมาเจอหลวงปู่ดูลย์ท่านสอนให้ดูจิต
后来隆布敦长老教导要观心,
เห็นจิตเกิดดับหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง
就看见心生灭、循环反复,
เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายนะ ก็รู้สึกว่านี่เดินปัญญา
时苦时乐、时好时坏,感觉这是开发智慧。
ดูถูกสมาธินะ ไม่เอาสมาธิเลย เดินปัญญารวดไปเลย
就瞧不起禅定,不再修习禅定,只是一味地开发智慧。
เดินปัญญารวดอยู่ได้สองปีกว่า ๆ นะ กำลังสมาธิ 22 ปีนั้นหมด นะ
一味开发智慧两年多,22年累积的禅定用完了,
ชาร์จ 22 ปีนะใช้ได้ 2 ปี หนึ่งต่อสิบอ่ะ
充电22年使用2年,1比10,
สมาธิไม่พอยังไม่รู้ตัว
禅定不够了,却不知道,
นั่งดูจิตนะ
仍然不断观心,
ทำไมมันสบาย มันโล่ง มันว่างไม่มีอะไรให้ดูนะ
有疑问说‘为什么它舒服、自在、没什么可观?’
ใจจะว่าบรรลุธรรมชั้นสูงมันก็ไม่ใช่
心以为体证高阶的法了,但也知道事实上并没有。
บางทีก็มีกิเลส สงสัย
因为还有烦恼、怀疑,
ตอนนั้นพอดีไปทางบ้านตาด
那时刚好去阿姜摩诃布瓦尊者寺庙附近。
ขึ้นไปหาอาจารย์มหาบัวพอดี
就去顶礼阿姜摩诃布瓦尊者,
ตอนนั้นท่านยังคนไม่มาก คนมีไม่มาก
那时找尊者的人还不太多,
ท่านยังฉันข้าวอยู่ข้างบนศาลา ศาลาไม้ ขึ้นไปกราบท่าน
尊者在木头的禅堂楼上用餐,就去顶礼尊者,
บอกท่านอาจารย์ครับ ผมขอโอกาส ท่านหันมามองหน้าปั๊บ
和尊者说,“师父,麻烦您…”,尊者马上回头,
เดี๋ยวก่อนเรายังไม่ว่าง
“先等一下,现在还没有空。”
แล้วท่านก็โว๊กว๊าก ๆ ว่าพระองค์นั้นว่าพระองค์นี้
然后尊者安排这位比丘、指挥那位师父,
จะฉันข้าวอ่ะ พอจัดอาหารเสร็จ
准备吃饭,等食物准备就绪,
พระเรียบร้อยหมดแล้วท่านหันมาว่ายังไงหันมาถามว่ายังไง
一切都妥了,尊者回头问:“什么事?”
บอกพ่อแม่ครูอาจารย์สอนให้ผมดูจิต
我回答,“有师父教我观心,
ผมก็ดูจิตอยู่แต่ทำไมช่วงนี้นะสังเกตดูมันไม่พัฒนา
我就观心,但不知道为什么最近没有什么起色?”
ท่านบอกที่ว่าดูจิตดูไม่ถึงจิตแล้วนะ ท่านบอกอย่างนี้เลยนะ
尊者回答说,“观心,已经没有观到心了。
ที่ว่าดูจิตนะดูไม่ถึงจิตแล้วนะต้องเชื่อเรานะ นะตรงนี้สำคัญนะ
要相信我,这点非常重要。我是靠自己过来的,
เราผ่านมาด้วยตัวเราเอง อะไรๆ ก็สู้บริกรรมไม่ได้ นะให้ไปทำเอา
什么都比不过念诵的,回去用功!”
ท่านสั่งให้บริกรรมเอา หลวงพ่อก็มาพุทโธ ๆ ๆ ท่านก็ฉันข้าวไป
尊者指导念诵,隆波就“佛陀、佛陀”练习,
เราก็พุทโธไป โหใจนี้แน่นเหมือนจะแตกเลย
隆波念诵“佛陀”,心好像快爆炸了,
เพราะใจนี้ไม่เอาสมถะ เบื่อ
因为心不喜欢奢摩他,
พอพุทโธ ๆ ๆ นะใจแน่น
一旦“佛陀”、“佛陀”,心就感到憋闷。
เสร็จแล้วก็เลยมาพิจารณาทำไมท่านจะให้มาบริกรรมพุทโธๆ
后来就想,‘为什么尊者让我念诵佛陀?’
อ๋อดูไปดูมา สมาธิเราไม่พอแล้ว
想来想去,哦,定力不够了。
หลวงพ่อก็ไม่เอาพุทโธหรอกเพราะว่าเราไม่ชอบ
因为心不喜欢,隆波就不念诵“佛陀”,
เราก็หายใจอ่ะ ใช้อานาปาณสติ
于是隆波觉知呼吸——安般念,
หายใจแป๊บเดียวนะจิตถึงฐาน
呼吸没几下,心就归位了。
โหแทบเขกหัวตัวเองนะโง่อยู่ตั้งนานน่ะ
哦!几乎要敲自己的头了!竟愚痴这么久。
นึกว่าดูจิตที่แท้ดูไม่ถึงจิตหรอก
以为在观心,事实上并没有观到心,
จิตออกไปอยู่ข้างนอกนู้น จิตไปสว่างอยู่ข้างนอกนู่น
心跑去外面,在外面发光发亮。
งั้นถึงบอกว่าอย่าไปติดว่างติดสว่าง ติดอะไรต่ออะไรเนาะ
因此隆波才教导,别粘着空无、光明等等。
ญ.4 : อีกนิดนึงเจ้าคะ ขอโอกาสอีกนิด เมื่อวานไปนั่งฟังสวดพระอภิธรรมศพ อ่ะนะคะ
居士11:还有一点,昨天参加葬礼听到念诵《阿毗达磨》,
นั่งๆอยู่มองไปตกใจเห็นเท้าตัวเอง
坐着时看见自己的脚,吓一跳,
บอกสัตว์ประหลาดอะไรนั่งอยู่
觉得一个奇怪的动物坐着。
ล.พ.: เออ นั่นแหละ เออนั้นมันมีปัญญาขึ้นมานะแต่มันยังยอมรับไม่ได้
隆波:嗯,那个就是有智慧,但心还接受不了,
มันเริ่มเห็นแล้วมันไม่ใช่เรา
已经开始看见,它不是“我”。
ญ.4 : มันไม่ใช่เรา
居士11:它不是“我”。
ล.พ.: ไม่ใช่เรา ตรงที่เห็นไม่ใช่เรานะ ถ้าอย่างที่ครูบาจารย์เมื่อก่อนท่านทำกัน
隆波:不是“我”,像如果以前高僧大德们的惯例,
ท่านทำสมาธิ พิจารณาร่างกายไปนะ จนร่างกายระเบิดไป ไหม้ไปอะไรไป
他们修习禅定,思维身体,直到身体爆炸,或者火烧等,
จนร่างกายหายไปหมดเลยเหลือจิตอันเดียว
直到身体全部消失,只剩下唯一的心。
พอเหลือจิตอันเดียวแล้วพอจิตถอยออกมาจากสมาธิมีร่างกายขึ้นมาเนี่ย
等到只剩下心后,当心退出禅定,身体呈现出来,
ท่านจะรู้อย่างซาบซึ้งเลยร่างกายไม่ใช่จิต
他们会深入骨髓地领悟,“身体不是心”,
ร่างกายกับจิตเนี่ยคนละอันกัน นะ
身体与心是两个不同的部分。
อันนั้นเป็นวิธีอุบายที่ท่านใช้แยกธาตุแยกขันธ์
那是他们用来分离蕴界的善巧与方便。
ของเราถ้าทำสมาธิได้ไม่ลึกนะร่างกายยังไม่สลาย
如果我们修习的禅定不深,无法融化身体。
เราอาศัยค่อย ๆ ดูมันทำงานไป
我们靠的是慢慢观它们工作,
กายส่วนกาย จิตส่วนจิต ไม่ถึงขนาดที่ว่าสลาย
身体是身体,心是心,还没有到身体融化。
แต่ขนาดที่ทำได้แค่นี้นะ
虽然只是做到这样,
ถึงจุดหนึ่งอยู่ ๆ ปุ๊บมันเห็นไม่ใช่เราหรอก
到了某一点,也会突然看见“不是我”,
ตัวอะไรก็ไม่รู้นะ บางคนกลัว บางคนเบื่อ
是什么也不知道,有些人害怕,有些人厌倦,
บางคนรู้สึกเวิ้งว้างไม่มีที่พึ่งที่อาศัยนะ เป็นทุกคนแหละ
有些人觉得茫然无依,每个人都会如此的。
ช.8 : ครับ กราบหลวงพ่อครับ เอ่อ ก่อนหน้านี้ผมติดเพ่งครับ ตอนนี้คลายลงมาแล้ว
居士12:隆波您好!以前我粘着紧盯,现在松脱出来了。
ล.พ.: คลายแล้ว
隆波:已经松脱了。
ช.8 : ครับ แต่ว่ายังเหลืออยู่ฮะ
居士12:是的,但依然有残余。
ล.พ.: ไม่เป็นไรแล้วละนะ เรารู้แล้วไม่เป็นไรแล้ว
隆波:已经没关系了,你已经知道,就没关系了。
ช.8 : ครับ ประมาณเดือนกุมภาฯ ผมได้รับคำแนะนำจากพี่เลี้ยงครับ
居士12:好的,大概在二月份,我接受助教的指导:
ว่าไปรู้สึกให้สบาย
要轻松地觉知。
ให้ไปหัดรู้สึกครับ แล้วก็ตอนนี้รู้สึกตัวได้สบายมากขึ้น
要去训练觉知,就能更加轻松地觉知。
ล.พ.: ดี แต่เราไม่ได้เอาตรงนี้นะ
隆波:很好,但我们并不是要这个。
ช.8 : ครับ
居士12:好的。
ล.พ.: พอเรารู้สึกตัวได้ เราก็เห็นร่างกายมันทำงาน เห็นจิตใจมันทำงาน
隆波:一旦能够觉知自己,就观身体工作、心工作。
เราไม่ใช่จะรู้สึกตัวเพื่อจะรู้สึกตัวอยู่เรื่อย ๆ ไป
我们并非为了持续觉知而觉知,
รู้สึกตัวขึ้นมาก็เห็นร่างกายมันทำงานเห็นใจมันทำงาน
能够觉知自己了,就要观身工作、心工作,
อย่างงั้นถึงจะเรียกว่าเดินปัญญา
这样才能称为“开发智慧”。
บางคนรู้สึกตัวแล้วก็รู้สึกตัวอยู่เฉย ๆ
有些人觉知自己后,就只是觉知自己,
อันนั้นเป็นสมาธิอีกแบบหนึ่ง เป็นสมถะ
那是另外一种禅定——属于奢摩他。
ช.8 : ช่วงรู้สึกตัว ช่วงนี้เริ่มเห็นเห็นทำงานได้มากขึ้น
居士12:现阶段开始,能越来越多的看见它们工作。
ล.พ. : นั่นแหละ นั่นแหละมันเดินปัญญาแล้วล่ะนะ
隆波:就是这个,已经开始开智慧了。
ดี สมาธิก็ไม่ทิ้งนะ
很好,禅定不能扔下。
ช.8 : ครับ
居士12:好的。
ล.พ. : ถึงเวลาก็ทำความสงบเข้ามาไม่ทิ้งหรอก แต่ว่าไม่ไปติดอย่างเดิม
隆波:到时间就修行宁静,别扔掉,不会再像原先那样粘着。
ช.8 : ช่วงนี้ยังไม่กล้าทำรูปแบบครับหลวงพ่อ
居士12:现阶段还不敢在固定形式里修行。
ล.พ. : อืม แล้วมันจะอยู่ได้อีกช่วงเดียว มันจะเสื่อม
隆波:嗯, 你现在的定力只能保持一小段时间就会退失。
มันจะฟุ้ง ค่อย ๆ ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ฝึก
心会散乱,要慢慢开始用功训练了。
ช.8 : ครับ ขอการบ้านหลวงพ่อด้วยครับ
居士12:好的,请隆波布置家庭作业。
ล.พ. : คือสมาธิเราอย่าทิ้งนะ ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ทุกวันก็ยังดี ดีกว่าไม่ทำเลย
隆波:禅定别扔下,每天修一点点也好,好过不修。
ติดหรือไม่ติดเนี่ยไม่ใช่อยู่ที่ทำหรือไม่ทำ
粘着与否,并非取决于修还是不修。
ติดเนี่ยเพราะว่าจิตมันพอใจแล้วไม่รู้ว่ามันพอใจ มันถึงติด
粘着,是因为心满意后,不知道心满意,才会粘着。
งั้นถ้าเราทำอยู่แล้วจิตกำลังสงบแล้วมันยินดีพอใจในความสงบ
如果修行了,心宁静了,心喜欢、满意于宁静,
เราเห็นอย่างเนี้ยจะไม่ติดหรอก
我们能这样照见的话,就不会粘着的。
ไม่ต้องกลัว ยิ่งจิตมันเคยติดมาชำนิชำนาญแล้วนะไม่ต้องไปกลัวมันหรอก
不用担心,即便曾经非常粘着过,也不用害怕它。
หึ หึ (หลวงพ่อหัวเราะ)
呵呵呵
ช.8 : ขอบคุณครับ
居士12:谢谢!
ล.พ. : จะได้มีแรงไม่งั้นจะ
隆波:这样才会有力量,
ของคุณตอนนี้มันเป็นกำลังที่สมาธิที่ฝึกมานะมันส่งมาให้
你现在的力量源自于以前修行的结果。
ถ้าเราไม่ทำเลยซักช่วงหนึ่งมันหมดนะ
如果你一段时间不修习宁静,就会没有力量,
เหมือนน้ำมันหมดก็ต้องซ้อมไปเรื่อยทำสมาธิไม่ทิ้งหรอก
就像车没了汽油。要持续反复的修习禅定,别扔下。
ส่วนที่เดินปัญญา
至于开发智慧,
แยกธาตุแยกขันธ์ เห็นไตรลักษณ์ของธาตุขันธ์เนี่ยทำถูกแล้ว
分离蕴界,照见蕴界的三法印,已经修对了。
จิตมันจะมีความสุขผุดขึ้นมาเป็นช่วง ๆ นะ บางทีมีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
心会有快乐时不时涌现而出,不定期会有快乐涌现,
ไม่ได้ทำอะไรนะ มันเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
并没有做什么,它成为“知者、觉醒者、喜悦者”,
มันเป็นของมันเอง ดี
它是自然呈现的,很好。
ช.8 : ครับ ขอบพระคุณครับ
居士12:好的,感恩您!
พิธีกร : ตั้งใจรับพรจากหลวงพ่อครับ
主持人:我们大家一起来用心接受隆波的祝福。
ล.พ.ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ
隆波:如河水充满,遍满于海洋;
เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ
如是此布施,利益诸亡者!
อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุมฺหํ ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ
愿你欲与愿,能迅速达成,满一切期望;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา จนฺโท ปณฺณรโส ยถา มณิ โชติรโส ยถา
如十五月亮,亦像如意宝!
สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ สพฺพโรโค วินสฺสตุ
愿诸灾免离,愿诸疾消失,
มา เต ภวตฺวนฺตราโย สุขี ทีฆายุโก ภว
愿你无障碍,得快乐长寿,
อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน
习惯礼敬者,常敬拜尊长,
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ
四法得增长,长寿、美貌、幸福、健康!
ขออนุโมทนานะ กฟผ.
随喜大家的功德!
เป็นที่ ๆ เราฝึกกันมาต่อเนื่องนะ
大家一直在持续精进的用功!
ดีเชียวล่ะ จิตเป็นบุญเป็นกุศลนะพวกเราใช้ได้
大家的善心、功德之心,非常好,
อย่างน้อยชีวิตนี้ไม่ตกต่ำก็ดีแล้วล่ะนะ
至少此生没有下堕!
พิธีกร : พวกเรากราบหลวงพ่อพร้อมกันนะครับ กราบครับ
主持人:请大家一起顶礼隆波。